เคล็ดลับมือโปร! อัปเดต 33 สิ่งที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับ All in One SEO

How to use all in one plugin

เชื่อไหมว่า All in One SEO เป็นปลั๊กอิน WordPress ที่ดีที่สุดในตลาด ได้ชื่อว่าเป็นปลั๊กอินอันดับ 1 ที่แนะนำว่าควรต้องใช้ สำหรับปลั๊กอิน All in One SEO มีคุณสมบัติทางด้าน SEO ที่ครบเครื่องและครอบคลุมมากที่สุด เพราะฉะนั้นใครที่ทำเว็บไซต์ห้ามพลาดเด็ดขาด

โดยในบทความนี้เราจะมาแชร์การใช้ AIOSEO power hacks ที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยให้คุณพัฒนา WordPress SEO ให้มีคุณภาพก้าวไปในอีกระดับหนึ่ง หากพร้อมกันแล้วมาเรียนรู้ไปด้วยกันเลย

AIOSEO-unique-things-og

เพราะเหตุใดจึงยอมรับให้ All in One SEO เป็นปลั๊กอินที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งาน WordPress

เนื่องจากว่าปลั๊กอินตัวนี้ เป็นตัวดั้งเดิมในตลาด SEO ซึ่งปัจจุบันมีเว็บไซต์มากกว่า 3 ล้านเว็บไซต์ที่ใช้ AIOSEO ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นหนึ่งในปลั๊กอิน WordPress ที่ติดตั้งมากที่สุดใน 20 อันดับแรกตลอดกาล และที่สำคัญคุณยังสามารถใช้ AIOSEO เวอร์ชันฟรีได้ หากคุณเป็นมือใหม่ที่เริ่มต้นใช้งาน 

All in One SEO เปิดตัวครั้งแรกในปี 2550 ซึ่งได้รับความนิยมเสมอมา โดยสามารถติดตั้งปลั๊กอินนี้เพื่อขยายการทำงานของ WordPress ให้ดีมากยิ่งขึ้น

The best WordPress SEO plugin

ในปี 2020 AIOSEO ถูกซื้อโดย Awesome Motive (บริษัทจัดการของ WPBeginner) ตั้งแต่นั้นมาก็ได้พัฒนาเป็นปลั๊กอิน WordPress SEO ที่ทรงพลังและทันสมัยที่สุด โดยสามารถใช้ได้กับทุกเว็บไซต์เพื่อปรับปรุงการจัดอันดับ SEO ของ WordPress และ WPBeginner ให้สูขึ้น เนื่องจากเป็นปลั๊กอินที่มีคุณสมบัติแตกต่างและโดดเด่นจากปลั๊กอินอื่น ๆ ในตลาด SEO

ดังนั้นเรามาดูกันเลยว่าสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด 33 ประการของ All in One SEO จะมีอะไรบ้าง ที่จะช่วยให้ WordPress SEO มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม และประสบความสำเร็จในการทำ SEO สำหรับเว็บไซต์

  1. ความสามารถในการเพิ่มชื่อและคำอธิบาย SEO แบบไดนามิก
  2. ช่วยให้การเขียน Headline และ SEO Title นั้นดีกว่าเดิม
  3. มีคุณสมบัติการทำสารบัญของบล็อกคอนเทนต์รูปแบบได้นามิก เเละรูปเเบบที่ปรับแต่งเองได้
  4. เพิ่มแอตทริบิวต์ NoFollow ไปยัง External link และ Referral Links ได้อย่างง่ายดาย
  5. ช่วยคิดคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมในขณะเขียนโพสต์
  6. ช่วยรับคะแนน SEO ที่ใช้ได้จริงสำหรับเนื้อหาในเว็บไซต์
  7. เป็นปลั๊กอินที่สนับสนุน Schema Markup ที่ครอบคลุมที่สุด
  8. การผสานรวมโซเชียลมีเดียที่ง่ายและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
  9. เพิ่มลิงค์ใหม่หรือล้างลิงค์เสียด้วย LinkAssistant
  10. มาพร้อมกับ XML Sitemap ที่กว้างขวางพร้อมตัวเลือกการปรับแต่งที่มีประสิทธิภาพ
  11. ปรากฏในข่าวสารของ Google ด้วยฟังก์ชัน News XML Sitemaps
  12. สร้าง HTML sitemap ที่ปรับแต่งได้ง่าย
  13. ปรากฏในผลลัพธ์วิดีโอด้วย Video Sitemaps
  14. ได้รับการจัดทำดัชนีที่เร็วกว่าเดิมด้วย RSS sitemap
  15. เพิ่มเว็บไซต์ของคุณใน Webmaster Tools และ Google Search Console ได้อย่างง่ายดาย
  16. รับการจัดทำดัชนีเนื้อหาใหม่อย่างรวดเร็วด้วย IndexNow
  17. มีฟีเจอร์ WordPress RSS Feeds
  18. ช่วยประหยัดเงินที่ใช้ในรวบรวมข้องมูลการค้นหา
  19. ตั้งค่า 301 Redirects ได้อย่างง่ายดาย
  20. ช่วยตรวจหาเเละแก้ไขข้อผิดพลาด 404 (404 Error)
  21. สามารถเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์ทั้งหมดได้ง่ายเมื่อต้องการย้ายไปยังโดเมนอื่น
  22. การเปลี่ยนเส้นทางที่เร็วขึ้นโดยใช้เซิร์ฟเวอร์แทน PHP
  23. ติดตามการจัดอันดับคีย์เวิร์ดด้วยสถิติการค้นหาที่มีประสิทธิภาพ
  24. การนำทางแบบ Breadcrumb ขั้นสูง แต่สามารถทำได้ง่ายที่สุด
  25. เปิด REST API สำหรับ Headless WordPress
  26. ควบคุมผู้ใช้ที่สามารถเข้าถึงคุณสมบัติและการตั้งค่า SEO
  27. การผสานรวมอีคอมเมิร์ซได้อย่างราบรื่น
  28. คุณลักษณะ SEO รูปภาพที่มีประสิทธิภาพ
  29. แก้ไข Robots. txt และ . htaccess Files จาก WordPress Admin ได้อย่างปลอดภัย
  30. สามารถตรวจสอบ SEO ได้อย่างรวดเร็ว
  31. สามารถเปรียบเทียบการแข่งขันด้วยการใช้ฟังก์ชันวิเคราะห์คู่แข่งในตัว
  32. เพิ่ม No Index ในเนื้อหาที่คุณต้องการแยกออกจากเครื่องมือค้นหาได้อย่างง่ายดาย
  33. นำเข้าข้อมูล SEO จากปลั๊กอิน SEO อื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

บทเพิ่มเติม : แนะนำวิธีการเริ่มต้นใช้งาน All in One SEO สำหรับ WordPress

ความสามารถในการเพิ่มชื่อและคำอธิบาย SEO แบบไดนามิก

SEO Title และ Description มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาภายในเว็บไซต์ โดยองค์ประกอบเหล่านี้จะปรากฏในผลการค้นหาและสามารถช่วยให้คุณได้รับการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งเป็นการสร้าง Organic Traffic ให้กับเว็บไซต์

Example good title

เจ้าของเว็บไซต์หลายท่าน มักจะกลับไปแก้ไขโพสต์เดิม ๆ โดยเปลี่ยน SEO Title เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเนื้อหา ตัวอย่างเช่น การเข้าไปอัปเดตในส่วนของปี พ.ศ. หรือราคา ตัวเลขให้ตรงกับปัจจุบัน

All in One SEO ช่วยให้คุณสามารถใช้สมาร์ทแท็กในช่อง SEO title และ Description ได้ ซึ่งแท็กนี้จะช่วยในการอัปเดตแบบไดนามิก ให้เนื้อหาของคุณตรงตามเงื่อนไขของ SEO เช่น สามารถเพิ่มแท็กใน “Post Tilte” จากนั้นแท็กนี้จะใช้ชื่อโพสต์หรือชื่อหัวข้อของหน้าเพจนำไปเป็น SEO Title ของเว็บไซต์โดยอัตโนมัติ

Dynamic SEO title description

ไม่เพียงเท่านั้นคุณยังสามารถใช้แท็ก “Current Year” หรือ “Current Month” สำหรับการแสดงปีหรือเดือนปัจจุบันในชื่อของโพสต์โดยอัตโนมัติ

AIOSEO มาพร้อมกับสมาร์ทแท็กมากมาย ดังต่อไปนี้ 

  • Author First Name: ชื่อของผู้เขียนโพสต์
  • Author Last Name: นามสกุลของผู้เขียนโพสต์
  • Author Name: ชื่อนามปากกาของผู้เขียนโพสต์
  • Categories: หมวดหมู่ทั้งหมดที่กำหนดให้กับโพสต์ปัจจุบัน ซึ่งจะคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค
  • Category Title: ชื่อหมวดหมู่ปัจจุบัน หรือหมวดหมู่แรก
  • Current Date: วันที่ปัจจุบัน
  • Current Day: วันปัจจุบันของเดือนนั้น ๆ 
  • Current Month: เดือนปัจจุบัน.
  • Current Year: ปีปัจจุบัน.
  • Custom Fieldcustom field จากโพสต์ปัจจุบัน
  • Permalink: ลิงก์ถาวรสำหรับโพสต์ปัจจุบัน
  • Post Content: คอนเทนต์ภายในโพสต์
  • Post Date: วันที่เผยแพร่โพสต์
  • Post Day: วันที่มีการเผยแพร่โพสต์ในเดือนนั้น ๆ 
  • Post Excerpt: ข้อความที่ตัดออกมาสำหรับกำหนดการตั้งค่าโพสต์
  • Post Excerpt Only: ข้อความที่ตัดมาเพื่อกำหนดไว้ในโพสต์ของคุณ
  • Post Month: เดือนที่มีการเผยแพร่โพสต์ 
  • Post Title: ชื่อเดิมของโพสต์ปัจจุบัน
  • Post Year: ปีที่โพสต์เผยแพร่
  • Separator: สัญลักษณ์คั่นที่กำหนดไว้ในการตั้งค่าลักษณะการค้นหา
  • Site Title: ชื่อเว็บไซต์
  • Tagline: แท็กไลน์สำหรับเว็บไซต์ที่ถูกวางไว้ในการตั้งค่าทั่วไป
  • Taxonomy Name: ชื่อแรกในอนุกรมวิธานที่ใช้ในการระบุไว้สำหรับโพสต์ปัจจุบัน

ต้องการทำให้ SEO Title สามารถดึงดูดความสนใจต่อผู้อ่านมากขึ้นหรือไม่ เรามีเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาบอก เพียงแค่ลองเพิ่มอิโมจิในชื่อ หรือคำอธิบายสำหรับโพสต์ของคุณเท่านั้น All in One SEO ปลั๊กอิน จะทำให้การใช้อิโมจิเป็ยเรื่องง่ายมากขึ้น โดยคลิกที่ปุ่มอิโมจิ เพื่อค้นหาและเพิ่มอิโมจิที่คุณต้องการลงไป

Emoji post title

ช่วยให้การเขียน Headline และ SEO Title นั้นดีกว่าเดิม

ตอนนี้คุณอาจทราบแล้วว่า CTR (อัตราการคลิกผ่าน) มีบทบาทสำคัญในการจัดอันดับ SEO ซึ่งหมายความว่าคุณต้องเขียน headline และ SEO title .ให้ดีที่สุด ซึ่งจะกระตุ้นให้ผู้ค้นหาสนใจจะคลิกเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ

All in One SEO มาพร้อมกับเครื่องมือวิเคราะห์ headline ในตัว มันจะแสดงคะแนนสำหรับชื่อโพสต์หรือ headline ของคุณโดยอัตโนมัติ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรเลือกใช้อันไหนดีที่เหมาะสมต่อเว็บไซต์ และสามารถดึงดูดผู้คนได้

Headline analyzer

และปลั๊กอินนี้ยังสามารถแสดงเคล็ดลับในการปรับปรุงประสิทธิภาพของชื่อเรื่องได้อีกด้วย เช่น แนะนำให้ใช้คำที่ทรงพลัง (power word) หรือเอาคำจำพวก Stop word ออกจากชื่อเรื่องของคุณ

ดังนั้นหากใครที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถอ่านบทความนี้ได้เลย how to use the headline analyzer in WordPress to improve SEO titles.โดยเป็นบทความที่เกี่ยวกับวิธีใช้ตัววิเคราะห์สำหรับ headline ใน WordPress เพื่อปรับปรุง SEO title ให้ดียิ่งขึ้น

และไม่นานมากนี้ทาง All in One SEO เพิ่งเปิดตัว ChatGPT AI Title / Description Generator เพื่อช่วยให้คุณสร้างชื่อและคำอธิบาย SEO คุณภาพสูงได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่คลิกที่ไอคอนหุ่นยนต์ซึ่งอยู่ถัดจาก “Post Title” หรือ “Meta Description”

AIOSEO use AI generator

จากนั้น AI Generator จะแนะนำชื่อ และคำอธิบายให้กับคุณประมาณ 5 รายการ ซึ่งวิเคราะห์จากเนื้อหาของคุณนั่นเอง

Chatgpt title suggestions

จากนั้นสามารถเพิ่มคำแนะนำที่คุณต้องการลงในฟิลด์เมตาของ SEO ได้โ้ดยตรง เพียงแค่คลิกปุ่มสัญลักษณ์บวกเท่านั้น

มีคุณสมบัติการทำสารบัญของบล็อกคอนเทนต์รูปแบบได้นามิก เเละรูปเเบบที่ปรับแต่งเองได้

สำหรับบทความที่ยาวมาก ๆ จะเป็นเรื่องยากสำหรับผู้อ่าน เนื่องจากเมื่อเห็นเนื้อหาทั้งหมดเเล้วอาจจะส่งผลให้รู้สุกไม่อยากอ่่านทั้งหมด เพราะบางคนต้องการอ่านเนื้อหาเพียงแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งที่ตรงกับสิ่งที่พวกเขาค้นหาเท่านั้น เพราะฉะนั้นแนะนำว่าควรมีสารบัญเพื่อให้ผู้อ่านคลิกไปยังเนื้อหาที่ต้องการได้

TOC example wpb

สารบัญไม่ได้อำนวยความสะดวกให้กับผู้อ่านเท่านั้น ยังมีผลดีต่อการปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์อีกด้วย โดยเครื่องมือค้นหา เช่น Google มีแนวโน้มแสดงรายการสารบัญของคุณ โดยจะแสดงอยู่ในรูปแบบลิงก์เพื่อกดข้ามไปอ่านในส่วนที่ต้องการ “Jump to section” ซึ่งมีการแสดงเอาไว้ในส่วนผลการค้นหา

website appear as the featured snippet for a search keyword

และสารบัญจะทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในฟีเจอร์ snippet สำหรับการค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในกูเกิ้ล

tocfeaturedsnippets

โดยก่อนหน้านี้ผู้ใช้งาน WordPress จะต้องใช้ปลั๊กอินตัวอื่นสำหรับการสร้างสารบัญ แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว เนื่องจากว่า All in One SEO มาพร้อมกับฟังก์ชันสำหรับสร้างสารบัญ เพียงแค่เพิ่มบล็อกสารบัญลงในโพสต์หรือเพจของคุณ จากนั้นบล็อกจะสร้างสารบัญโดยอัตโนมัติตามหัวข้อของบทความ

Add toc block

คุณสามารถแก้ไขรายการในตารางสารบัญได้ด้วย เพียงแค่คลิกตรงรายการที่ต้องการแก้ไข หรือจะซ่อนรายการที่ไม่ต้องการให้แสดงในสารบัญก็ได้ เพียงคลิกที่ปุ่มซ่อนเท่านั้น ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถจัดลำดับใหม่ตามความต้องการของคุณได้ โดยคลิกที่ปุ่ม Reorder มันจะปรับลำดับรายการในสารบัญเท่านั้น แต่ในเนื้อหาลำดับยังคงเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง

Rearrange-toc

ทั้งยังออกแบบสไตล์รายการในสารบัญได้เอง เลือกสัญลักษณ์ Bullet หรือลำดับเลขใส่ลงไปได้หมดเลย

toc list style

หากอยากเรียนรู้ในส่วนนี้เพิ่มเติมสามารถคลิกอ่านบทความนี้ได้เลย easily add table of contents in WordPress

เพิ่มแอตทริบิวต์ NoFollow ไปยัง External link และ Referral Links ได้อย่างง่ายดาย

ลิงก์หรือลิงก์ย้อนกลับ (Backlinks) นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับบของเครื่องมือค้นหา (Search Engine) เมื่อคุณมีการเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ภายนอก เครื่องมือค้นหาจะพิจารณาว่าเป็นสัญญาณในการจัดอันดับ เเละลิงก์ของคุณจะดูน่าเชื่อถือ เพื่อให้เว็บไซต์อื่น ๆ สามารถอ้างอิงมาที่เว็บของคุณได้อีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน SEO ต่างคิดเหมือนกันว่าการเพิ่ม nofollow ใน External link และ Referral link จะช่วยให้อันดับเว็บไซต์สูงขึ้นได้ 

ดังนั้นปลั๊กอินอย่าง All in One SEO จะทำให้การเพิ่มแอตทริบิวต์ nofollow ไปยังลิงก์ในโพสต์และเพจของคุณให้เป็นเริ่องง่าย เพียงเลือกข้อความที่คุณต้องการเชื่อมโยงจากนั้นคลิกที่ปุ่มลิงก์ในแถบเครื่องมือบล็อก จะเห็นตัวเลือกสำหรับการเพิ่มลิงค์ URL และช่องสำหรับทำเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มแอตทริบิวต์ nofollow

Add the nofollow attribute

คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ nofollow ได้ โดยอ่านยทความนี้เลย how to easily add nofollow links in WordPress

ช่วยคิดคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมในขณะเขียนโพสต์

คีย์เวิร์ดคือสิ่งที่ถูกใช้ในการค้นหาบนเครื่องมือค้นหาต่าง ๆ ดังนั้นการใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้ค้นหาจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

คุณสามารถตั้งค่าคีย์เวิร์ด หรือวลีสำหรับบทความโดยใช้ All in One SEO ได้ เพียงแค่ไปที่การตั้งค่า และปรับเนื้อหาของคุณให้เหมาะสม ปลั๊กอินนี้จะแสดงคะแนนสำหรับคีย์เวิร์ดหรือวลี พร้อมกับแนะนำข้อแก้ไข แนวทางสำหรับปรับปรุงให้ดีมากกว่าเดิม

Get additional keywords

ซึ่งจะช่วยในการคิดคีย์เวิร์ดเพิ่มเติมด้วย Semrush เพียงแค่คลิกที่ปุ่ม “Additional keyphrases” จากนั้นป็อบอัพจะนำคุณไปยังเว็บไซต์ Semrush

Login Semrush

เข้าสู่ระบบ หากยังไม่เคยสมัครใช้งานต้องสมัครก่อน ซึ่งสามารถใช้งานได้ฟรี หลังจากนั้นทาง Semrush จะขออนุญาตในการเข้าถึง WordPress ของคุณ ให้คลิกปุ่มอนุมัติ

Approve Semrush

เมื่ออนุมัติแล้ว จะเห็นรายการสำหรับคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ซึ่งจะจัดเรียงตามปริมาณการค้นหาโดยถ้ามีปริมาณการค้นหาสูง ๆ จะอยู่ด้านบน

Keyword lists

คลิกที่ปุ่มเพิ่ม เพื่อเพิ่มคีย์เวิร์ดลงในเนื้อหาโพสต์ของคุณ ซึ่งจะเห็นคะแนนสำหรับคำที่คุณเลือกว่ามีคะแนนอยู่ที่เท่าไหร่ พร้อมกับคำแนะนำในการปรับปรุงให้ดีมากยิ่งขึ้น

Optimize additional keyphrases

วิธีนี้ช่วยให้คุณสร้างเนื้อหาที่ครอบคลุมและมีประโยชน์สำหรับผู้ใช้งานเว็บไซต์ รวมทั้งช่วยให้เครื่องมือค้นหามองว่าเว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถืออีกด้วย

ช่วยรับคะแนน SEO ที่ใช้ได้จริงสำหรับเนื้อหาในเว็บไซต์

All in One SEO จะให้คะแนน SEO ที่ครอบคลุมและใช้งานได้จริงจากการวิเคราะห์เนื้อหาในเว็บไซต์ โดยจะปรากฏที่ปุ่มมุมขวาบนของเครื่องมือแก้ไขบทความ ให้คลิกที่ปุ่มนั้นเพื่อไปยัง TruSEO panel 

truscore aioseo

ซึ่งจะเห็น snippet preview และในส่วนด้านล่างจะมีเคล็ดลับต่าง ๆ ดังนี้

  • Focus Keyphrase และ Additional Keyphrases
  • Basic SEO
  • Title
  • Readability

เลือกคลิกอ่านคำแนะนำใดก็ได้ที่คุณต้องการจะทราบ

SEO score-suggestions

โดยส่วนไหนที่เป็นข้อผิดพลาดจะถูกเน้นด้วยสีแดง พร้อมกับคำอธิบายสำหรับการแก้ไข และแน่นอนว่าคะแนนของ SEO จากการวิเคราะห์เว็บไซต์นี้อาจจะไม่ได้มีผลต่อการจัดอันดับมากเท่าไหร่ แต่การที่มีคะแนนสูงกว่า 70 ขึ้นไป นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี และเป็นสิ่งที่ควรจะทำเป็นอย่างยิ่ง

เป็นปลั๊กอินที่สนับสนุน Schema Markup ที่ครอบคลุมที่สุด

Schema markup เป็นโค้ด HTML ประเภทพิเศษที่สามารถเพิ่มลงในเว็บไซต์ WordPress ได้ เพื่อบอกให้เครื่องมือค้นหาทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณ

ตัวอย่างเช่น คุณสามารถบอกเครื่องมือค้นหาว่าหน้าใดหน้าหนึ่งเป็นบล็อกโพสต์ สูตรอาหาร คำถามที่พบบ่อย บทความข่าว หรือหน้าผลิตภัณฑ์ เป็นต้น เครื่องมือค้นหาสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อแสดงผลการค้นหาให้สมบูรณ์มากที่สุด

Schema search results rich

ปลั๊กอิน WordPress SEO อื่น ๆ มาพร้อมกับการรองรับ Schema markup ที่ค่อนข้างจำกัด ผู้ใช้ต้องติดตั้งปลั๊กอินแยกออกมาต่างหาก เพื่อเพิ่ม Schema markup ที่เหมาะสมสำหรับเนื้อหาที่อยู่ภายในเว็บไซต์

All in One SEO แก้ปัญหานี้ได้ด้วยการเพิ่มการสนับสนุน Schema markup ให้ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มสคีมาร์กอัปใน WordPress และ WooCommerce ได้อย่างง่าย ซึ่งจะอยู่ในส่วนของการตั้งค่าปลั๊กอิน 

Schema-type

ไม่เพียงเท่านั้นยังใช้เพื่อเปลี่ยนมาร์กอัปสคมาในแต่ละโพสต์ หรือแต่ละหน้าเพจภายในเว็บไซต์ได้ด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้บล็อกโพสต์ในบทความเนื้อหาประเภทต่าง ๆ เช่น สูตรอาหาร รีวิวผลิตภัณฑ์ และบทความอื่น ๆ เป็นต้น

Schema-generator

นอกจากในส่วนของการปรับปรุงเนื้อหาแล้ว All in One SEO ยังเพิ่มข้อมูลที่มีโครงสร้าง ซึ่งจำเป็นสำหรับการแสดงรายการใน Google My Business และ Google Maps

ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจของคุณปรากฏอยู่ใน Google Maps โดยรายชื่อธุรกิจของคุณจะได้รับแผงข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมกับระบุเส้นทาง หมายเลขโทรศัพท์ เวลาทำการ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ แสดงในผลลัพธ์การค้นหาบนหน้า Google

Local SEO example

เพียงเปลี่ยนไปใช้หน้า All in One SEO >> Local SEO และระบุข้อมูลธุรกิจของคุณลงไป และหากธุรกิจมีสถานที่ตั้งหลายแห่ง สามารถเปิดตัวเลือกสถานที่ตั้งหลายแห่งได้ (Multiple Locations)

Local SEO page

หลังจากนั้นปลั๊กอินจะเพิ่มรายการเมนูโลเคชั่นใหม่ในแถบด้านข้างของผู้ดูแลระบบ WordPress และคุณจะสามารไปที่หน้า Locations >> Add New เพื่อเพิ่มสถานที่ตั้งธุรกิจของคุณ

Location add new

ซึ่งจะพาคุณไปที่หน้าตัวแก้ไขตำแหน่ง โดยขั้นแรกต้องระบุชื่อสถานที่ของคุณแล้วเพิ่มคำอธิบายลงไปสั้น ๆ พร้อมทั้งยังตรวจสอบตัวเลือกในคอลัมน์ด้านซ้ายเพื่อตั้งค่าหมวดหมู่สถานที่และรูปภาพได้

Location

หลังจากนั้นให้เลือนลงไปที่ AIOSEO Local Business ซึ่งส่วนนี้คุณจะเพิ่มข้อมูลที่มีโครงสร้างสำหรับสถานที่ของคุณ เช่น ชื่อธุรกิจ โลโก้ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เวลาเปิดทำการ และแผนที่

Business-info

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยให้คลิกที่ปุ่มเผยแพร่ เพื่อบันทึกการตั้งค่าตำแหน่งของคุณ และหากท่านใดอย่ากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถอ่านบทความนี้ได้เลย  adding multiple locations schema markup in WordPress 

การผสานรวมโซเชียลมีเดียที่ง่ายและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นแหล่งการเข้าชมขนาดใหญ่ สำหรับเจ้าของเว็บไซต์จำนวนมาก โดย All in One SEO มาพร้อมกับฟังก์การรวมโซเชียลมีเดียที่ง่ายดายและมีความครอบคลุมมากที่สุด

  1. เพิ่มโปรไฟล์โซเชียลเน็ตเวิร์กและการตั้งค่าเริ่มได้อย่างง่ายดาย

ไปที่หน้า All in One SEO >> Social Networks และทำการระบุ URL โปรไฟล์โซเชียลมีเดียได้ 

Social Networks

และหากคุณต้องการใช้ชื่อโปรไฟล์โซเชียลมีเดียวทั้งหมดเป็นชื่อผู้ใช้เดียวกัน สามารถทำเครื่องหมายที่ตัวเลือก “Use the same username” เพื่อระบุชื่อผู้ใช้เดียวกันสำหรับเครือข่ายโซเชียลมีเดียหลายเครือข่าย

หลังจากนั้นให้ระบุชื่อผู้ใชของคุณลงไป เพื่อให้ All in One SEO กรอก URL ให้กับคุณ ไม่เพียงเท่านั้นปลัํกอินยังช่วยกำหนดค่าเว็บไซต์สำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยม เช่น Facebook และ Twitter ได้อย่างง่ายดาย

Social Network setups

ตัวเลือกเหล่านี้ช่วยให้คุณเปิดใช้ข้อมูลเมตาแบบ Open Graph และให้ข้อมูลเริ่มต้นที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสามารถใช้ได้เมื่อมีคนแชร์เนื้อหาของคุณ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกรูปภาพที่จะใช้เมื่อมีคนแชร์โพสต์ โดย All in One SEO มีตัวเลือกมากมายสำหรับเลือกรูปภาพที่จะใช้แสดงอัตโนมัติใน Facebook และ Twitter

Default Image Socialmedia

คุณสามารถเลือกภาพที่โดดเด่น ไม่ว่าจะใช้เป็นภาพแรกในเนื้อหา ภาพที่แนบมมา ภาพผู้เขียน และอื่น ๆ 

หลังจากกำหนดค่า Facebook และ Twitter แล้ว คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้แท็บ Pinterest ได้จากที่นี่ คุณสามารถเพิ่มรหัสยืนยัน เพื่อยืนยันเว็บไซต์ของคุณบน Pinterest ได้อย่างง่ายดาย

Pinterest verification code
  1. การตั้งค่าโซเชียลสำหรับโพสต์และเพจในเว็บไซต์

เมื่อคุณตั้งตค่าเครือข่ายโซเชียลให้เป็นค่าเริ่มต้นเสร็จแล้ว ทาง All in One SEO ยังมีตัวเลือกให้คุณแทนที่การตั้งค่าเหล่านี้สำหรับโพสต์และเพจในแต่ละรายการ เพียงแก้ไขโพสต์หรือเพจจากนั้นเปลี่ยนไปที่แท็บโซเชียลในการตั้งค่า AIOSEO

Post Social Settings

ที่นี่คุณจะเห็นตัวอย่างว่าโพสต์ของคุณจะมีลักษณะอย่างไรบน Facebook และ Twitter ด้านล่างนี้ คุณสามารถล้างการตั้งค่าเริ่มต้น และเปลี่ยนชื่อโพสต์ คำอธิบาน และรูปภาพโซเชียลได้

Override Social Settings

หากคุณเปลี่ยนข้อมูลสำหรับ Facebook คุณสามารถใช้ข้อมูลใหม่นี้ใน Twitter ได้เช่นเดียวกัน เพียงสลับไปที่แท็บ Twitter และสลับตัวเลือก “ใช้ข้อมูลจากแท็บ Facebook” ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเข้าไปแก้ไขข้อมูลในทวิตเตอร์อีก ถ้าหากคุณได้แก้ไขข้อมูลใน Facebook เรียบร้อยแล้ว 

Use FB data
  1. เพิ่มโปรไฟล์โซเชียลสำหรับผู้แต่ง

คุณสามารถระบุให้เครื่องมือการค้นหาทราบว่าโปรไฟล์ใดที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับผู้แต่ หรือผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาค้นพบและแสดงโปรไฟล์โซเชียลมีเดียได้ง่ายมากขึ้น เมื่อมีการค้นหาบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

Person Profiles

หากต้องการเพิ่มโปรไฟล์โซเชียลมีเดียวในเว็บ WordPress ให้ไปที่หน้า Users » Profile และให้สลับไปที่แท็บโปรไฟล์โซเชียล ทำการป้อน URL ของโปรไฟล์โซเชียลมีเดียของคุณลงไป

Author Social Profiles

เพิ่มลิงค์ใหม่หรือล้างลิงค์เสียด้วย LinkAssistant

ลิงค์มีบทบาทสำคัญในการจัดอันดับ SEO ของเว็บไซต์ ถ้าหากคุณต้องการเว็บไซต์ให้เติบโตแนะนำว่าต้องมีการเพิ่มลิงก์ภายในที่มีคุณภาพสูงเพิ่มเข้าไปในโพสต์เก่า ๆ อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามการเพิ่มลิงก์ในโพสต์เดิม ๆ นั้นเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและทำให้เสียเวลามาก เพราะฉะนั้น All in One SEO แก้ปัญหานี้ด้วยฟังก์ชัน Link Assistant ช่วยให้คุณเพิ่มลิงก์หรือล้างลิงก์เสียได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คลิกเดียวเท่านั้น

โดยวิธีการขั้นแรกจะต้องทำการรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ และไปที่รายงานลิงก์ ใน Link Assistant

Link Assistant Overview

คุณจะสามารถดูภาพรวมของลิงก์ในแต่ละโพสต์ได้ ไม่ว่าจะเป็น internal link, External link และ Affiliate link 

นอกจากนั้นหากต้องการดูข้อมูลให้ละเอียดมากขึ้นสามารถไปที่แท็บรายงานลิงก์เพื่อดูข้อมูลเชิงลึก คุณจะเห็นรายการโพสต์และเพจทั้งหมดในเว็บไซต์ พร้อมกับคอลัมน์สำหรับลิงก์ทุกประเภทที่มีในเว็บไซต์

Links Report

และที่สำคัญฟังก์ชันนี้ของปลั๊กอินสามารถแสดงคำแนะนำเกี่ยวกับการเพิ่มลิงก์อีกด้วย ซึ่งสามารถคลิกดูลิงก์แนะนำเพิ่มเติมได้ที่ปุ่มลูกศรชี้ไปทางขวาที่อยู่ด้านขวาของ Post title

Detailed View

ในส่วนนี้คุณจะสามารถดูคำแนะนำและเพิ่มลิงก์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องแก้ไขโพสต์หรือเพจโดยตรงด้วยตัวเอง 

เมื่อต้องการเพิ่มลิงก์เชื่อมโยงภายในให้ไปที่ “Linking Opportunities” จะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการเชื่อมโยงภายในเว็บไซตืเพิ่มเติม รวมทั้งตรวจสอบโพสต์ที่ไม่มีลิงก์ เพื่อเพิ่มลิงก์เข้าไปยังโพสต์เหล่านั้น

Linking Opportunities

ล้างลิงก์เสียด้วยการคลิกเพียงแค่ครั้งเดียว

คุณสามารถตรวจสอบลิงก์ภายนอกทั้งหมดที่มีการเชื่อมโยงในเว็บไซต์คลิกเข้าไปที่แท็บ “Domain report” จากนั้นคุณจะสามารถเลือกโดเมนและลบลิงก์ที่ไม่ต้องการทั้งหมดได้ด้วยคลิกเดียวเท่านั้น

Delete Bad Links

ซึ่งการใช้เครื่องมือนี้จะช่วยให้ล้างข้อมูลเว็บไซต์กลายเป็นเรื่องง่าย และประหยัดเวลา สามารถใช้ในการเพิ่มลิงก์หรือล้างลิงก์เสียได้อย่างรวดเร็วทันใจ 

หมายเหตุ: นอกจากนี้ AIOSEO ยังมีปลั๊กอิน Broken Link Checker โดยตะสแกนลิงก์ภายในและภายนอกทั้งหมดโดยอัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้อง

Edit URL in broken link checker

หากพบลิงก์เสีย สามารถแก้ไข URL ภายในปลั๊กอินได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแก้ไขโพสต์หรือเพจด้วยตัวเอง เพราะจะใช้เวลานาน ช้า และอาจเกิดข้อผิดพลาดได้อีกด้วย

มาพร้อมกับ XML Sitemap ที่กว้างขวางพร้อมตัวเลือกการปรับแต่งที่มีประสิทธิภาพ

XML sitemap คือไฟล์ที่แสดงเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณทั้งหมดในรูปแบบ XML ดังนั้นเครื่องมือค้นหา เช่น Google จึงสามารถค้นพบและจัดทำดัชนีเนื้อหาได้อย่างง่ายดาย

WordPress มาพร้อมกับ XML sitemap ในตัว แต่อย่างไรก็ตามมันดูธรรมดา และใช้งานได้ยุ่งยาก เพราะฉะนั้นปลั๊กอิน All in One SEO จึงมีฟังก์ชันนี้เพิ่มขึ้นมา และพูดได้เลยว่ามันมีประสิทธิภาพกว่าที่มีใน WordPress หลายเท่าเลยทีเดียว 

AIOSEO-sitemaps

XML sitemap ที่กำหนดเองเหล่านี้ สามารถปรับแต่งการใช้งานได้สูง ตัวอย่างเช่น คุณสามารถรวบรวม หรือไม่รวมประเภทชองโพสต์และ Taxonomy ได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้คุณสามารถปิดการใช้งานไซต์แมปในส่วนของข้อมูลวันที่ และผู้แต่งได้อีกด้วย

Sitemap Settings

ด้านล่างนี้คุณจะสามารถเพิ่มหน้า Standalone ลงใน Sitemap ได้โดยใช้ตัวเลือก “Additional pages” 

ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเพิ่มร้านค้า Shopify หรือหน้า Landing ที่เป็นแบบกำหนดเองลงในโดเมนเดียวกันได้ หรือหากต้องการลบเนื้อหาบางส่วนออกจาก Sitemap ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพียงเปิดตัวเลือกการตั้งค่าขั้นสูง จากนั้นให้เลือกกดยกเว้นโพสต์ เพจ หมวดหมู่ แท็ก และอื่น ๆ ที่ต้องการลบออกได้

Advanced Sitemap Settings

นอกเหนือจากนี้ยังสามารถปรับคะแนนลำดับความสำคัญสำหรับหน้าแรกของเว็บไซต์ (Homepage) โพสต์ หรือ taxonomy ของคุณได้ และยังสามารถแยกรูปภาพออกจาก XML sitemap ได้อีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันของ All in One SEO ที่น่าทึ้งมาก 

ให้เว็บไซต์ปรากฏในข่าวสารของ Google ด้วยฟังก์ชัน News XML Sitemaps

หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่นำเสนอเกี่ยวกับข่าวสาร หรือต้องการให้บล็อกของคุณปรากฏใน Google News ต้องทำความรู้จักกับ News XML sitemap 

News Search Results

All in One SEO จะเข้ามาช่วยสร้าง News sitemap ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำหรับผลลัพธ์ของ Google News ได้อย่างง่ายดาย เพียงไปที่แท็บ “News Sitemap” และเปิดใช้งาน

News sitemap

หลังจากนั้นคุณจะสามารถระบุชื่อสำหรับการเผยเเพร่ข่าวสาร และทำการเลือกประเภทโพสต์ที่ต้องการรวมเอาไว้ใน News sitemap

News Post Type

All in One SEO ยังช่วยให้คุณแยกรายการที่ต้องการนำออกจากแผนผังไซต์ข่าวของคุณได้อย่างง่ายดาย โดยสลับสวิตซ์การตั้งค่าขั้นสูงเพื่อแสดงตัวเลือกเพิ่มเติม ซึ่งคุณจะสามารถค้นหาโพสต์หรือเพจที่คุณต้องการยกเว้นและคลิกที่ปุ่ม + เพื่อเพิ่มรายการที่ต้องการ

Exclude Post Pages

สร้าง HTML sitemap ที่ปรับแต่งได้ง่าย

HTML Sitemap เป็นแผนผังเว็บไซต์สำหรับผู้ใช้ของคุณ และสามารถเพิ่มได้ทุกที่บนเว็บไซต์ของคุณ

Html Sitemap Example

ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สำรวจเว็บไซต์และค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ขององค์กร รัฐบาล และธุรกิจขนาดเล็กก็ควรจะใช้ฟังก์ชันนี้

All in One SEO ช่วยให้คุณสร้าง HTML Sitemap ได้อย่างสบาย ๆ ไม่ยุ่งยาก และใช้เวลาไม่นาน เพียงไปที่หน้า All in One SEO >> Sitemaps แล้วเปลี่ยนไปใช้แท็บ HTML Sitemap

Html sitemap

ในส่วนนี้คุณจะสามารถเปิดการใช้งานแผนผังไซต์ HTML โดยข้อมูลด้านล่างนี้สามารถเลือกวิธีที่ต้องการแสดงแผนผังไซต์โดยเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งดังต่อไปนี้

  • Dedicated Page
  • Gutenberg Block
  • Shortcode
  • Widget
  • PHP Code

เมื่อคลิกเลือกแล้วจะขึ้นแสดงบอกวิธีการใช้งาน ตัวอย่างเช่น หากเลือก Dedicated Page ระบบจะขอให้คุณระบุ URL สำหรับหน้าที่คุณต้องการแสดงในแผนผังของเว็บไซต์ ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถเลือกประเภทของโพสต์ และ Taxonomy ที่ต้องการรวบรวม ตัวเลือกการเรียงลำดับ และเปิดใช้งานการเก็บถาวร

Include in html sitemap

และหากต้องการแยกบางโพสต์หรือบางหน้าเพจออกจาก HTML Sitemap สามารถคลิกที่การตั้งค่าขั้นสูงและเลือกเนื้อหาหรือหน้าเพจที่ต้องการแยกออกไป

Exclude from html sitemap

ปรากฏในผลลัพธ์วิดีโอด้วย Video Sitemaps

วิดีโอเป็นประเเภทเนื้อหาที่น่าดึงดูดมากที่สุด ผู้คนจะชอบดูสื่อวิดีโอมากกว่าการอ่านบทความ และบางครั้งเมื่อค้นหาบน Google อาจจะปรากฏวิดีโอด้านบนโดยอัตโนมัติ

และถ้าหากตอนนี้คุณเผยแพร่เนื้อหาวิดีโออยู่เป็นประจำหรือเพิ่มการฝังวีดีโอในโพสต์ สิ่งนี้จะทำให้อันดับเว็บไซต์สูงขึ้นได้

Video Search Results

ในงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะคลิกผลลัพธ์ที่เป็นวีดีโอมากกว่าที่เป็นเนื้อหาบทความธรรมดา ๆ ดังนั้น Vedio Sitemap ของ All in One SEO จะช่วยให้วีดีโอของคุณสามารถแสดงบนเครื่องมือค้นหา ในส่วนผลการค้นหาที่เป็นวิดีโอ เพียงแค่ไปที่หน้า All in One SEO >> Sitemaps แล้วไปที่แท็บ Video Sitemap 

Video Sitemap

ในส่วนนี้คุณจะสามารถเปิด Video Sitemap และเลือกประเภทของโพสต์หรือการจัดหมวดหมู่ที่ต้องการรวมใน Sitemap

โดยค่าเริ่มต้นปลั๊กอินจะแบ่งแผนผังไซต์องคุณออกเป็นดัชนีไฟล์เหล่านี้เป็นไฟล์ขนาดเล็กที่มีลิงก์จำนวนจำกัด คุณยังสามารถปรับจำนวนลิงก์ที่คุณค้องการรวมเอาไว้ในแผนผังไซต์ได้อีกด้วย

Video sitemap Settings

ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับแผนผังไซต์อื่น ๆ ที่คุณสามารถคลิกในส่วนการตั้งค่าขั้นสูงเพื่อคลิกเลือกยกเว้นเนื้อหาที่ไม่ต้องการให้ปรากฏใน Vedio Sitemap

ได้รับการจัดทำดัชนีที่เร็วกว่าเดิมด้วย RSS sitemap

RSS Sitemap เป็นไฟล์เอกสารที่ใช้ในการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาของเว็บไซต์โดยใช้รูปแบบการสื่อสารแบบ RSS (Really Simple Syndication) ซึ่งเป็นภาษามาตรฐานสำหรับการส่งข้อมูลข่าวสารหรือเนื้อหาใหม่ๆ ที่อัพเดตล่าสุดจากเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานที่สนใจได้รับทราบ

ซึ่งจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาค้นพบการเปลี่ยนแปลงล่าสุดบนเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ดังนั้น Google จึงแนะนำให้ใช้ทั้ง XML Sitemap ร่วมกับ RSS Sitemap เพื่อการรวบรวมข้อมูลที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

All in One SEO ช่วยให้คุณสร้าง RSS sitemap สำหรับเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย โดยไปที่หน้าการตั้งค่า AIOSEO >> Sitemaps และสลับไปที่แท็บ RSS Sitemap

RSS-sitemap-AIOSEO

ในส่วนนี้คุณสามารถสลับสวิตซ์เพื่อเปิดใช้แผนผังเว็บไซต์เพื่อเปิดใช้งาน RSS Sitemap และด้านล่างนี้คุณสามารถเลือกจำนวนโพสต์และประเภทของโพสต์ที่ต้องการจะรวบรวมได้

ถ้าหากต้องการทราบรายละเอียดสามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ในที่นี่

เพิ่มเว็บไซต์ของคุณใน Webmaster Tools และ Google Search Console ได้อย่างง่ายดาย

มีเครื่องมือที่สามารถใช้ตรวจสอบการแสดงผล และตรวจเช็คความผืดปกติของเว็บไซต์ได้ โดยหากเป็นเครื่องมือฟรีของ Google จะเป็นเครื่องมือที่เรียกว่า Google Search Console และถ้าเป็นเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ จะเรียกว่า Webmaster tools หลังจากสมัครใช้งานเครื่องมือเหล่านี้ จะต้องยืนยันด้วยการเพิ่มข้อมูลโค้ดลงในเว็บไซต์ของคุณ 

All in One SEO ทำให้การเพิ่มรหัสยืนยันสำหรับเครื่องมือของผู้ดูแลเว็บ WordPress กลายเป็นเรื่อง่าย โดยไปที่ All in One SEO >> การตั้งค่าทั่วไป และไปที่แท็บ Webmaster Tools

Webmaster tools AIOSEO

ตอนนี้เพียงแค่คลิกที่เครื่องมือค้นหา และเพิ่มรหัสยืนยัน คุณจะพบช่องข่อความที่เรียกว่าการตรวจสอบเบ็ดเตล็ด (Miscellaneous verification) วิธีนี้จะช่วยให้คุณเพิ่มรหัสยืนยันจากแพลตฟอร์มบุคคลที่สามลงในเว็บไซต์ของคุณได้

ตอนนี้หากคุณยังสงสัยว่าจะใช้ประโยชน์จากเครื่องมือของผู้ดูแลเว็บได้อย่างไร แนะนำว่าต้องอ่านเคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญของเราเกี่ยวกับการใช้ Google Search Console อย่างมืออาชีพ 

รับการจัดทำดัชนีเนื้อหาใหม่อย่างรวดเร็วด้วย IndexNow

IndexNow คือ ping อัตโนมัติที่ช่วยให้เครื่องมือค้นหาทราบเมื่อมีการเพิ่ม ลย หรืออัปเดตโพสต์และเพจในเว็บไซต์ ซึ่งจะส่งผลให้ SEO นั้นดีขึ้น พูดง่าย ๆ มันก็คือการสร้างดัชนีอย่างเร่งด่วนนั่นเอง

ซึ่ง All in One SEO ช่วยให้คุณติดตั้ง IndexNow บนเว็บไซต์ของคุณได้อย่างรวดเร็ว โดยขั้นแรกจะต้องไปที่หน้า All in One SEO >> Feature Manager และเปิด Active สำหรับการใช้งาน IndexNow

turn on IndexNow AIOSEO

หลังจากนั้นปลั๊กอินจะตั้งค่า IndexNow สำหรับเว็บไซต์ของคุณโดยอัตโนมัติด้วยสร้างคีย์ API และคุณจะสามารถยืนยันได้โดยไปที่หน้า All in One SEO >> การตั้งค่าทั่วไป และเปลี่ยนไปใช้งานในแท็บเครื่องมือของผู้ดูแลระบบ

IndexNow Enabled

ทำการคลิกที่ช่อง IndexNoe แล้วจะเห็นรหัส API 

หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถเข้าอ่านบทความคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเพิ่ม IndexNow ใน ไน WordPress เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ SEO ที่ดีที่สุด และรวดเร็วที่สุด 

มีฟีเจอร์ WordPress RSS Feeds

RSS Feed จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสมัครรับข้อมูลเนื้อหาภายในเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยใช้โปรแกรมอ่านฟีดอย่าง Feedly

WordPress มาพร้อมกับการรองรับ RSS Feed ที่เป็นฟังก์ชันพื้นฐาน และสามารถสร้างฟีดแยกต่างหากสำหรับโพสต์ล่าสุดได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังแยกหมวดหมู่ แท็ก คลังข้อมูล ผู้เขียน และอื่น ๆ ได้

All in One SEO จะเข้ามาช่วยในการปรับแต่ง RSS Feed ของ WordPress ให้ดีกว่าเดิม และเป็นประโยชน์มากขึ้นสำหรับเว็บไซต์ เพียงแค่ไปที่หน้า All in One SEO >> General Settings และไปที่แท็บ RSS Content

Hack-RSS-feeds

ส่วนนี้คุณจะสามารถเพื่มเนื้อหาต่าง ๆ ที่ต้องการแสดงก่อนหรือหลังเนื้อหาที่อยู่ใน RSS Feed นอกจากนั้นยังสามารถใช้อีโมจิ

และสมาร์แท็กเพื่อเพิ่มองค์ประกอบโดยอัตโนมัติ เช่น โพสต์ หมวดหมู่ ลิงก์ผู้เขียน และอื่น ๆ 

After content RSS

ตัวอย่างเช่น All in One SEO จะเพิ่มลิงก์กลับไปยังโพสต์ต้นฉบับและเว็บไซต์ของคุณโดยอัตโนมัติหลังจากโพสต์ใน RSS Feed และตอนนี้หากมีคนใช้ RSS Feed ของคุณเพื่อขโมยเนื้อหาภายในเว็บไซต์ พวกเขาจะถูกบังคับให้แสดงลิงก์กลับไปยังเว็บไซต์ของคุณ 

ช่วยประหยัดเงินที่ใช้ในรวบรวมข้องมูลการค้นหา

Google มีการกำหนดงบประมาณการรวบรวมข้อมูลสำหรับโดเมนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ ซึ่งบางครั้งงบประมาณอาจสูญเปล่าหากบอทการค้นหาใช้งบประมาณส่วนใหญ่ไปกับการรวบรวมข้อมูลหน้าเว็บที่ไม่มีความสำคัญ 

All in One SEO ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยฟีเจอร์ Crawl Cleanup เพียงไปที่หน้า All in One SEO >> Search Appearance แล้วเปลี่ยนไปที่แท็บขั้นสูง

Search Appearance Advanced

เมื่อเข้ามาในส่วนนี้จะต้องเลื่อนลงไปด้านล่างและเปิดการใช้งาน Crawl Cleanup การดำเนินงานนี้จะขย่ยส่วนต่าง ๆ ที่คุณสามารถแยกออกจากการรวบรวมข้อมูลได้ สามารถเลือกได้ว่าอะไรที่ไม่จำเป็นต้องทำการรวบรวมข้อมูล 

Crawl Cleanup

คุณสามารถปิดการใช้งานข้อมูลต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการให้รวบรวมข้อมูล เพื่อประหยัดงบประมาณและเวลาให้มากขึ้น

Exclude from crawl

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการแก้ไขงบปนะมาณรวบรวมข้อมูล SEO ใน WordPress ได้ที่นี่

ตั้งค่า 301 Redirects ได้อย่างง่ายดาย

การเปลี่ยนเส้นทาง (301 Redirects) เป็นการเปลี่ยนเส้นทางของ URL โดยใช้รหัสสถานะ HTTP 301 Moved Permanently เพื่อแจ้งให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรือเว็บเบราว์เซอร์ทราบว่า URL เก่าได้ถูกย้ายไปยัง URL ใหม่แล้ว ดังนั้น เมื่อผู้ใช้เรียกใช้งาน URL เก่า จะถูกนำไปยัง URL ใหม่แทนที่จะแสดงเนื้อหาใน URL เก่า 

All in One SEO มาพร้อมกับเครื่องมือ Redirects Manager อันทรงพลังมาก ซึ่งจะช่วยให้คุณสร้างและจัดการกับการเปลี่ยนเส้นทางทุกประเภท รวมถึงการเปลี่ยนเส้นทาง 301 เพียงไปที่หน้า All in One SEO >> Redirects เพื่อเพิ่มการเปลี่ยนเส้นทางใหม่ 

Add 301 Redirect

ป้อน URL เก่าในช่องต้นทาง และ URL ใหม่ในช่องเป้าหมาย หลังจากนั้นเลือก 301 Moved Permanently ภายใต้ตัวเลือกประเภทการเปลี่ยนเส้นทาง คลิกที่ปุ่มเพิ่มการเปลี่ยนเส้นทางเพื่อบันทึกการตั้งค่าของคุณ 

ข้อดีของปลั๊กอินนี้ คือ สามารถแสดงการเปลี่ยนเส้นทางทั้งหมดที่คุณตั้งค่าไว้ และคุณสามารถแก้ไขหรือปิดใช้งานการเปลี่ยนเส้นทางได้ทุกเวลาที่คุณต้องการ

Manage Redirects

และถ้าหากคุณต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านบทความที่แนะนำเกี่ยวกับวิธีสร้าง 301 Redirects ใน WordPress

ช่วยตรวจหาเเละแก้ไขข้อผิดพลาด 404 (404 Error)

404 Error เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้งานเข้าชมหน้าเว็บในเว็บไซต์ของคุณที่ไม่มีอยู่แล้ว โดยอาจถูกลบหน้านั้นออกไป หรืออาจจะเป็นเพราะผู้ใช้งานป้อน URL ไม่ถูกต้องหรือคลิกลิงก์ที่ไม่ถูกต้องนั่นเอง

ซึ่งข้อผิดพลาดนี้จะทำให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี และอาจจะส่งผลเสียต่อการจัดอันดับ SEO เพราะฉะนั้นปลั๊กอิน All in One SEO จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้โดยเก็บบันทึกข้อผิดพลาด 404 ไว้ในเว็บไซต์ของคุณ แค่เพียงไปที่หน้า All in One SEO >> Redirects และสลับไปที่หน้า 404 logs 

404 logs AIOSEO

ในกรณีนี้คุณจะสามารถคลิกที่ปุ่มเพื่อการเปลี่ยนเส้นทางและชี้นำไปยัง URL ที่ถูกต้อง พาผู้ใช้ไปยังตำแหน่งใหม่หรือหน้าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนั่นเอง

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูบทความเกี่ยวกับวิธีแก้ไขข้อผิดพลาด 404 ใน WordPress นี้ได้เลย

สามารถเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์ทั้งหมดได้ง่ายเมื่อต้องการย้ายไปยังโดเมนอื่น

ถ้าหากคุณกำลังย้ายเว็บไซต์ WordPress ไปยังโดเมนใหม่ และอาจจะมีความกังวลเกี่ยวกับผลที่ตามมาของ SEO บอกได้เลยว่าอย่าได้กังวลใจ เพราะเรามีตัวจัดการที่ดีเลิศที่ใช้ในการเปลี่ยนเส้นทางนั่นก็คือ All in One SEO ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์รูปแบบเต็ม ที่ใช้งานได้ง่ายสุด ๆ 

คุณสามารถวาง URL ของชื่อโดเมนใหม่ และ URL ซึ่งจะเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้งานทั้งหมดที่เข้ามายังโดเมนเก่าของคุณไปยังหน้าที่เหมือนกันแต่เป็นชื่อโดเมนใหม่นั่นเอง

Full site redirect AIOSEO

สิ่งนี้จะช่วยให้โดเมนใหม่สามารถติดอันดับได้อย่างรวดเร็ว และยังส่งผลดีต่อ SEO ของเว็บไซต์อีกด้วย

หากท่านใดอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม แนะนำว่าให้อ่านบทความวิธีการย้าย WordPress ไปยังชื่อโดเมนใหม่ นี้ได้เลย 

การเปลี่ยนเส้นทางที่รวดเร็วขึ้นโดยใช้เซิร์ฟเวอร์แทน PHP

WordPress มาพร้อมกับระบบเปลี่ยนเส้นทางที่มีมาในตัวโดยระบบถูกเขียนด้วย PHP ดังนั้นปลั๊กอินจำนวนมากที่ใช้ในการเปลี่ยนเส้นทาง รวมทั้ง All in One SEO สามาถใช้ประโยชน์จากปลั๊กอินนี้

การใช้ PHP สำหรับการตั้งค่าเปลี่ยนเส้นทางนั้นจะใช้เวลาที่นานกว่า All in One ดังนั้นหากใครที่ต้องการเปลี่ยนเส้นทางเพื่อให้มีประสิทธิภาพและความเร็วที่ดีขึ้นต้องเลือกใช้ปลี๊กอินนี้เท่านั้น จะช่วยให้ผู้ใช้งานมีตัวเลือกในการเปลี่ยนเส้นทางที่เร็วขึ้น โดยใช้เว็บเซิร์ฟเวอร์แทน PHP

หมายเหตุ : วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์สูงเนื่องจากคุณต้องเข้าไปแก้ไขไฟล์ .htaccess และไฟล์การกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์สำหรับ Apache หรือ NGINX อีกด้วย

หากต้องการใช้วิธีนี้ คุณจะต้องเข้าถึงไฟล์การกำหนดค่าของเซิร์ฟเวอร์ และจะต้องทราบวิธีการแก้ไขไฟล์เหล่านั้นให้มีความปลอดภัยสูงสุด 

ในการตั้งค่า คุณสามารถไปที่หน้า All in One SEO » Redirects และสลับไปที่แท็บการตั้งค่า แล้วคลิกที่ Web Server ที่อยู่ด้านใต้ของ Redirect Method

Webserver Redirects

ปลั๊กอินจะตรวจหาเว็บเซิร์ฟเวอร์ของคุณ และจะแสดงตัวเลือกในการส่งออกไฟล์ กฏการเปลี่ยนเส้นทางสำหรับเว็บเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งคุณสามารถวางไฟล์ .htaccess หรือไฟล์กำหนดค่า Nginx ได้ด้วยตนเอง จากนั้นคลิกที่ปุ่มบันทึกการเปลี่ยนแปลงเพื่อจัดเก็บการตั้งค่าของคุณ

หลังจากนั้นปลั๊กอินจะแสดงบรรทัดของโค้ดที่คุณต้องเพิ่มลงในไฟล์การกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์

Server config code

หากคุณใช้ Apache เป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์ บรรทัดนั้นควรรวมอยู่ในไฟล์โฮสต์เสมือนของ Apache และทำการรีสตาร์ท

หากคุณใช้ NGINX เป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์ บรรทัดควรรวมอยู่ในไฟล์ nginx.conf ของคุณ และทำการรีสตาร์ท การใช้การเปลี่ยนเส้นทางเซิร์ฟเวอร์จะป้องกันไม่ให้ AIOSEO เก็บบันทึกการเปลี่ยนเส้นทางทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้

ติดตามการจัดอันดับคีย์เวิร์ดด้วยสถิติการค้นหาที่มีประสิทธิภาพ

คุณต้องการทราบหรือไม่ว่าเว็บไซต์ของคุณนั้นอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ คุณสามารถใช้ Google Search Console ได้ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่จะทำให้คุณทราบอันดับ แต่อย่างไรก็ตามการใช้ปลั๊กอินอย่าง All in One SEO จะง่ายกว่าโดยใช้ฟีเจอร์ “Search Statistics” เพียงไปที่หน้า All in One SEO >> Search Statistics และเชื่อมต่อ All in One SEO กับบัญชี Google Search Console 

Connect website to Google Search Console

ซึ่งจะเปิดหน้าต่างใหม่ทางระบบจะขอให้คุณเชื่อมต่อหรือเลือกบัญชี Google ของคุณ หลังจากนั้น Google จะขออนุญาตคุณเพื่อให้ปลั๊กอิน All in One SEO เข้าถึงบัญชี Google Search Console

Google Search Console Permissions

ทำเครื่องหมายที่ช่องทั้งหมดเพื่อให้ปลั๊กอินเข้าถึงข้อมูล Google Search Console แล้วคลิกดำเนินการต่อ หากคุณมีการเชื่อมต่อหลายเว็บไซต์ Search Console จะขอให้เลือกเว็บไซต์ที่ต้องการจะเชื่อม และจากนั้นคุณจะถูกนำไปยังเว็บไซต์ของตนเอง

All in One SEO จะดึงข้อมูล Google Search Console ของคุณและแสดงสถิติการค้นหา

Search stats dashboard

ขั้นแรกคุณจะเห็นภาพรวมของประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณใน Google Search ภายใต้แท็บแดชบอร์ด ที่ด้านบนคุณจะเห็นแผนภูมิใต้ช่องสถิติ SEO แผนภูมิเหล่านี้ รวมถึงกราฟต่อไปนี้

  • Search Appearance – เว็บไซต์ของคุณจะปรากฏในการค้นหา จะมีตัวเลขบอกจำนวนการค้นหาทั้งหมด ไม่ว่าเว็บไซต์ของคุณจะอยู่ในอันดับที่ต่ำหรือสูงเพียงใดก็ตาม
  • Total Clicks – จำนวนคลิกทั้งหมด เป็นจำนวนครั้งที่ผลลัพธ์จากเว็บไซต์ของคุณได้รับการคลิก
  • Average CTR – อัตราการคลิกผ่านโดยเฉลี่ยสำหรับเว็บไซต์ของคุณในการค้นหาคือเท่าใด
  • Average Position – ตำแหน่งเฉลี่ยของเว็บไซต์ ที่แสดงเป็นตัวเลขค่าเฉลี่ยทั้งหมด

นอกจากนี้คุณจะเห็นลูกศรชี้ขั้นลงขนาดเล็ก ๆ นี้ ที่มีตัวเลขที่ระบุว่าไซต์ของคุณดีขึ้นหรือแย่ลงในหมวดหมู่นั้นในช่วงเวลาที่เลือก

แผนภูมิตำแหน่งคีย์เวิร์ดจะแสดงกราฟที่ทับซ้อนกันของตำแหน่งคีย์เวิร์ดในเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งด้านล่างนี้คุณจะเห็นช่องภาพรวมการจัดอันดับคีย์เวิร์ด ซึ่งจะแสดงคีย์เวิร์ด 10 อันดับแรกของคุณ และจำนวนคลิกที่ได้รับ

Keywords overview

ถัดจากนั้นคุณจะเห็นแผนภูมิแสดงคะแนน TruSEO ของโพสต์คุณ ในส่วนนี้คุณสามารถระบุโพสต์ที่ต้องการปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว

ในส่วนด้านล่างของหน้านี้ คุณจะเห็นภาพรวมประสิทธิภาพของเนื้อหา ซึ่งจะแสดงเนื้อหายอดนิยมของคุณพร้อมกับคะแนน SEO จำนวนคลิก การแสดงผล และความแตกต่าง

Content Performance Overview

คุณยังสามารถสลับการใช้งานไปที่แท็บ Top Losing เพื่อดูว่าเนื้อหาอันดับใดของคุณที่อยู่ในอันดับต่ำสุด

และคุณสามารถไปที่แท็บ Top Winning เพื่อดูว่าเนื้อหาหรือคอนเทนต์ไหนที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด หรือมีอันดับสูงขึ้นกว่าเดิม 

และหากต้องการดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมสามารถไปที่แท็บ SEO Statistics ได้

SEO stats tab

ในส่วนนี้คุณจะเห็นแผนภูมิที่แสดงรายละเอียดประสิทธิภาพการค้นหาของคุณที่ด้านบน และด้านล่างคุณจะเห็นเนื้อหายอดนิยมทั้งหมดของคุณ คุณสามารถจัดเรียงเนื้อหาตามจำนวนคลิก การแสดงผลตำแหน่ง และพารามิเตอร์ความแตกต่าง

Content Performance Details

ซึ่งคุณสามารถดูว่าคีย์เวิร์ดใดที่อยู่ในอันดับระหว่าง 11-20 โดยจะเป็นคีย์เวิร์ดที่มักอยู่ในหน้าสองของผลการค้นหาบน Google

คุณสามารถแก้ไขหน้าเหล่านั้นเพื่อปรับปรุงคะแนน SEO โดยเพิ่มเนื้อหา รวมทั้งอัปเดตข้อมูลที่ล้าสมัยให้ทันสมัยมากขึ้น เพิ่มรูปภาพ หรือวิดีโอได้อีกด้วย ถัดไปคุณต้องเปลี่ยนไปใช้แท็บการจัดอันดับคีย์เวิร์ดเพื่อตรวจสอบ SERP

keyword rankings report

ที่ด้านบนนี้จะเห็นกราฟและแถบแสดงรายละเอียดจำนวนคีย์เวิร์ดที่เว็บไซต์ของคุณจัดอันดับตามอันดับการค้นหา ในส่วนของด้านล่างนี้จะเป็นรายงานแบบระเอียดของคีย์เวิร์ดทั้งหมดในเว็บไซต์

Keyword performance

คุณสามารถคลิกที่ลูกศรที่อยู่ถัดจากคีย์เวิร์ด เพื่อดูว่ายทความของคุณอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ จากนั้นดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ All in One SEO ได้เพิ่มรายงานการจัดอันดับเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้คุณระบุการลดลงของเนื้อหา และแนวโน้มที่สำคัญได้อย่างไม่ยุ่งยาก

AIOSEO Content Rankings

รายงานจะแสดงเมตริกที่สำคัญ รวมถึงวันที่ที่ URL ได้รับการอัปเดตครั้งล่าสุด อัตราที่เนื้อหาของคุณลดลง เปอร์เซ็นต์การลดลง หรือเปอร์เซ็นต์การลดลงของคะแนนของเนื้อหา และอื่นๆ ภายในเว็บไซต์ 

คุณสามารถคลิกที่หน้าเพจ หรือโพสต์ใด ๆ ก็ได้ ในรายงานเพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับ SEO โดยระเอียดเกี่ยวกับเนื้อหานั้น ตัวอย่างเช่นคุณจะเห็นคะแนนการวิเคราะห์ Headline, คะแนน TruSEO, ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ, รายงานลิงก์ภายใน และแนะนำการเปลี่ยนแปลงทางด้าน SEO 

SEO data content rankings

ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ สามารถใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาภายในเว็บไซต์ได้อย่างสบาย ๆ เพื่อให้เว็บไซต์มีอันดับที่สูงขึ้น 

All in One SEO นำข้อมูลจาก Google Search Console มาไว้ใน WordPress ระบุจุดบกพร่องที่คุณต้องปรับปรุงแก้ไข รวมทั้งยังสามารถเพิ่มปริมาณการค้นหาให้กับเว็บไซต์ของคุณได้อีกด้วย

การนำทางแบบ Breadcrumb ขั้นสูง แต่สามารถทำได้ง่ายที่สุด

Breadcrumb navigation เป็นตัวช่วยนำทางในเว็บไซต์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถระบุตำแหน่งปัจจุบันของตนในโครงสร้างของเว็บไซต์ได้อย่างชัดเจน ด้วยการแสดงลำดับของหน้าที่ผู้ใช้เคยเข้าชม ตั้งแต่หน้าหลักไปจนถึงหน้าปัจจุบัน แบบส่วนผสานจะถูกแสดงเป็นลิงก์แบบลูกศรหรือตัวหนังสือที่ผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อกลับไปยังหน้าที่ผู้ใช้เคยเข้าชมได้

Breadcrumb preview

ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานค้นพบส่วนอื่น ๆ ของเว็บไซต์ และปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ เครื่องมือค้นหายังใช้ข้อมูลนี้ในตัวอย่างผลลัพธ์ถัดจาก URL

Breadcrumbs Search Results

All in One SEO มาพร้อมกับการตั้งค่าการนำทาง Breadcrumb ที่ง่ายที่สุด และสามารถปรับแต่งได้อย่างสะดวกสบายเมื่อเปรียบเทียบกับปลั๊กอิน WordPress อื่น ๆ ในตลาด

ขั้นแรกให้เพิ่มมาร์กอัปที่เครื่องมือค้นหาต้องการลงไป เพื่อแสดงเบรดครัมบ์โดยอัตโนมัติโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากนี้ยังให้เครื่องมือที่ครบชุดครอบคลุมมากที่สุดสำหรับการปรับแต่ง Breadcrumbs เพียงไปที่หน้า All in One SEO >> Generak Settings แล้วเปลี่ยนไปที่แท็บ Breadcrumbs ในส่วนนี้คุณจะเห็นวิธีการต่าง ๆ ในการแสดงเบรดครัมบ์บนเว็บไซต์ของคุณได้อย่างง่ายดาย

Breadcrumb AIOSEO

จากนั้นให้เลื่อนลงมาเล็กน้อย และคุณจะพบกับตัวเลือกการปรับแต่งสำหรับลิงก์ Breadcrumbs nagavition ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกตัวคั่นที่ต้องการใช้, การรวมโฮมลิงก์, การตั้งค่าคำนำหน้า และอื่น ๆ 

Customize Breadcrumbs

และถ้าหากต้องการแก้ไขเทมเพลตของ Breadcrumbs สามารถทำได้โดยให้เลื่อนไปที่ส่วนเทมเพลต Breadcrumbs คุณจะเห็นแท็บสำหรับประเภทเนื้อหา อนุกรมวิธาน และส่วนเอกสารสำคัญ

ตัวอย่างเช่น ในส่วนที่อยู่ใต้ประเภทของเนื้อหา คุณจะสามารถเปลี่ยนเทมเพลตสำหรับโพสต์, เพจ, ผลิตภัณฑ์ และไฟล์แนบได้ด้วย

เมื่อต้องการแก้ไชเทมเพลต ให้สลับสวิตซ์ข้างตัวเลือกเป็น “Use a default template” เพื่อแสดงการตั้งค่า

Use default template

จากนั้นคุณจะสามารถแก้ไขเทมเพลตเบรดครัมบ์เริ่มต้นได้โดยการสลับสวิตซ์เพื่อโชว์หรือซ่อนลิงก์หน้าโฮมเพจ หรือลิงก์อนุกรมวิธาน ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถใช้สมาร์ทแท็กได้อีกด้วย

Edit Breadcrumb template

เปิด REST API สำหรับ Headless WordPress

ปลั๊กอิน All in One SEO จะช่วยให้คุณเปิดใช้งาน REST API สำหรับการพัฒนา WordPress ที่ไม่มีส่วนหัวได้ (Headless WordPress) เพียงไปที่หน้า All in One SEO >> Feature Manager และเปิดใช้งานคุณสมบัติ REST API

Activate-rest API

คุณจะสามารถใช้ข้อมูลเมตา SEO ทั้งหมดได้ในที่เดียว รวมทั้งยังส่งออกข้อมูลนี้ไปยังส่วนหน้าเว็บไซต์ได้อีกด้วย

โดยคุณสามารถดูวิธีการดึงข้อมูล SEO ด้วย REST API และแสดงผลใน  Source Code ได้ที่นี่

ควบคุมผู้ใช้ที่สามารถเข้าถึงคุณสมบัติและการตั้งค่า SEO

หากคุณกำลังจ้างให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน SEO เข้ามาทำงานบนเว็บไซต์ของคุณ แนะนำว่าจะต้องมีปลั๊กอิน All in One SEO เนื่องจากว่ามีคุณสมบัติที่ช่วยควบคุมการเข้าถึง โดยที่คุณสามารถเลือกได้ว่าผู้เชี่ยวชาญที่จ้างมานั้นมีสิทธิในการเข้าถึงส่วนไหนของ WordPress ได้บ้าง 

การตั้งค่าให้ไปที่หน้า All in One SEO >> General Setting แล้วไปที่แท็บ Access Control

Access Control

ขั้นแรกคุณจะเห็นตัวเลือกการควบคุมการเข้าถึงสำหรับบทบาทผู้ใช้ WordPress ตามค่าเริ่มต้น เช่น Editor, Author และ Contributor พวกเขาจะสามารถเข้าถึงการตั้งค่า SEO สำหรับเนื้อหาที่ได้รับอนุญาตให้แก้ไขใน WordPress ได้เท่านั้น 

โดยส่วนใหญ่ผู้แก้ไขจะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงในส่วนของการตั้งค่า SEO โดยทั่วไป, การแสดงผลของเว็บไซต์, Social Netword และ Redirects ซึ่งคุณสามารถใช้ปลั๊กอินควบคุมบทบาทของผู้ใช้งานแต่ละคนได้ ให้ไปที่การสลับการตั้งค่าเริ่มต้นของผู้ใช้งาน ซึ่งอยู่ถัดจากบทบาทของผู้ใช้งาน

Edit Access Options

ปลัีกอินนี้ยังสามารถใช้ในการเพิ่มบทบาทผู้ใช้แบบกำหนดเองใหม่ได้ ซึ่งจะมีอยู่ 2 บทบาทที่สามารถใช้งานได้ดังนี้

  • SEO Manager – สามารถเข้าถึงการตั้งค่า SEO ทั่วไป, Sitemap, Link Assistant, Redirect, Local SEO และมีสิทธิในการเข้าถึงแต่ละหน้าเพจ รวมถึงโพสต์ในเว็บไซต์ได้
  • SEO Editor – สามารถเข้าถึงการตั้งค่า SEO สำหรับแต่ละหน้าเพจ และเข้าถึงโพสต์ได้
SEO User Roles

ไม่เพียงเท่านั้นสามารถเปลี่ยนการเข้าถึงได้ทุกอย่างเพียงแค่คลิกปุ่มสลับการใช้งานที่การตั้งค่าเริ่มต้น แต่อย่าลืมก่อนที่จะมอบหมายบทบาทให้ผู้ใช้งานแต่ละคน จะต้องทำการเพิ่มผู้ใช้งานใหม่ใน WordPress เสียก่อน แล้วจึงจะสามารถกำหนดบทบาทให้ได้

Change User Role

เมื่อกำหนดบทบาทแล้ว ปลั๊กอินจะอนุญาตให้เริ่มต้นทำงานได้ทันที ตามสิทธิการเข้าถึงของแต่ละคน 

การผสานรวมอีคอมเมิร์ซได้อย่างราบรื่น

ปลั๊กอิน All in One SEO มีฟีเจอร์อย่าง WooCommerce SEO ที่เหมาะสมสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ช่วยให้คุณสามารถเพิ่ม SEO Title, คำอธิบานและรูปภาพของผลิตภัณฑ์ได้ โดยมีมาร์กอัปสคีมา ที่จะทำให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าผลิตภัณฑ์ของคุณคืออะไร และแสดงผลลัพธ์การค้นหาได้อย่างยอดเยี่ยม

WooCommerce-seo

นอกจากนี้ยังมี Product Sitemap, breadcrumbs, image SEO และฟีเจอร์ของ local SEO อยู่ภายในตัวจึงทำให้เป็นปลั๊กอินที่เหมาะสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเป็นอย่างมาก

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ WooCommerce SEO For Beginners ได้ที่นี่

คุณลักษณะ SEO รูปภาพที่มีประสิทธิภาพสูง

การค้นหารูปภาพบน Google สามารถเป็นแหล่งการเข้าชมที่สำคัญมากของเว็บไซต์ ดังนั้นแนะนำว่าควรจะเพิ่ม alt ให้กับรูปภาพและแท็กชื่อเมื่อทำการอัปโหลดรูปภาพบนเว็บไซต์ 

ดังนั้นปลั๊กอิน All in One SEO จึงมาพร้อมฟังก์ชันเสริมในส่วนของ Image SEO เพื่อให้รูปภาพมีประสิทธิภาพสูง และจะสร้างแท็กได้โดยอัตโนมัติ การใช้งานฟังก์ชันนี้จะต้องไปที่ All in One SEO >> Feature Manager 

Activate Image SEO

จากนั้นไปที่ All in One SEO >> Search Appearance และเปลี่ยนไปที่แท็บ Image SEO โดยจะมีตัวเลือกแรกก็คือการเปลี่ยนเส้นทางของ attachment URLs ปลั๊กอินนี้จะทำการเปลี่ยนเส้นทาง URL กลับไปยังไฟล์แนบอัตโนมัติ เนื่องจากหน้าไฟล์แนบนั้นมีเพียงแค่รูปภาพเท่านั้น ทั้งยังไม่มีผลอะไรต่อการทำ SEO 

Image SEO AIOSEO

ในส่วนของด้านล่างนี้คุณจะพบกับตัวเลือกในการตั้งค่า Image SEO ที่มีอยู่สองตัวเลือกด้วยกัน ได้แก่ Title Tag และ Alt เป็นตัวเลือกที่มีความสำคัญมาก ๆ 

โดยจะใช้ในการเลือกรูปแบบของชื่อเรื่อง ซึ่งใช้สมาร์ทแท็ก AIOSEO เพื่อกำหนดว่าให้ใช้ชื่อไฟล์รูปภาพของคุณเป็นชื่อเรื่อง 

Set Image Title

และยังสามารถเลือกลบเครื่องหมายวรรคตอน เช่น ขีดกลาง หรือขีดล่างได้ ตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนชื่อภาพจาก “our-family-picnic” เป็น “our family-picnic” เป็นต้น ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถเลือกใช้ตัวพิมพ์เล็ก ตัวพิมพ์ใหญ่ได้ตามความต้องการเลย 

Choose Letter Case

คุณยังสามารถเลือกยกเว้นโพสต์ หน้าเพจ หรือคำที่คุณไม่ต้องการให้ปลั๊กอินสร้างโดยอัตโนมัติจากชื่อภาพได้

จากนั้นให้ใส่ Alt tag ในแต่ละภาพเพื่ออธิบายความหมายของภาพสั้น ๆ 

Set Image Alt

และที่สำคัญคุณสามารถสร้างคำบรรยายและคำอธิบายของรูปภาพได้ด้วย นอกจากนั้นการลงภาพในเว็บไซต์จะต้องเลือกใช้ชื่อไฟล์ที่เหมาะสม เช่น wordpress-plugin-seo โดยจะต้องเป็นพิมพ์เล็กทั้งหมด และมีขีดคั้นกลาง

แก้ไข Robots. txt และ . htaccess Files จาก WordPress Admin ได้อย่างปลอดภัย

หากมือใหม่การแก้ไขไฟล์เหล่านี้อาจจะเป็นเรื่องยาก และถ้าเกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจะส่งเสียต่อเว็บไซต์ และ SEO ได้

ดังนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการแก้ไขและมีความปลอดภัยแนะนำต้องใช้ปลั๊กอิน All in One SEO เนื่องจากมาพร้อมกับโปรแกรมแก้ไขไฟล์ในตัว ซึ่งคุณสามารถแก้ไขไฟล์ robots.txt และ .htaccess โดยไม่ต้องใช้ FTP โดยให่ไปที่หน้า All in One SEO >> Tools สำหรับไฟล์ robotstxt และคุณสามารถคลิกที่ปุ่มเพื่อดูไฟล์ robots ปัจจุบันของคุณได้

Robots file editor

คุณสามารถเปิดใช้งานไฟล์ robots.txt ที่กำหนดเองได้ หรือสร้างไฟล์ใหม่ทั้งหมดเลยก็ได้ และด้านล่างนี้คุณสามารถเลือกอนุญาตหรือปฏิเสธ User Agent ใดก็ได้ตามที่ต้องการ จากนั้นระบบจะเพิ่ม User Agent ใน robots.txt 

Allow block user agents

แท็บ .htaccess Editor จะแสดงเนื้อหาของไฟล์ .htaccess ปัจจุบันของคุณ ซึ่งคุณสามารถแก้ไขได้ทันที

.htaccss Editor

หมายเหตุ : คุณต้องระมัดระวังอย่างมากเกี่ยวกับการแก้ไขไฟล์เหล่านี้ และหากเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจจะทำให้เว็บไซต์เสียหายได้ รวมทั้งส่งผลเสียต่อ SEO อย่างแน่นอน

สามารถตรวจสอบ SEO ได้อย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันธุรกิจจำนวนมากมีการจ้างผู้เชี่ยวชาญ SEO เพื่อให้ตรวจสอบและดูแลเว็บไซต์ เพราะฉะนั้น All in One SEO จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาประหยัดเงิน โดยสามารถใช้ในการตรวจสอบ SEO ได้อย่างรวดเร็ว สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดด้วยตนเอง

ให้ไปที่หน้า All in One SEO >> SEO Analysis แล้วปลั๊กอินจะแสดงคะแนน SEO ของเว็บไซ๖์ เพื่อให้มองเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน

SEO Analysis

ด้านล่างนี้จะแสดงรายการตรวจสอบคำแนะนำ SEO ซึ่งจะสามารถดูปัญหาที่พบได้ในเว็บไซต์ รวมทั้งปลั๊กอินนี้จะให้คำอธิบายและแนวทางในการแก้ไขปัญหา

SEO checklist audit

ดังที่คุณเห็นในภาพด้านบน AIOSEO จะมีปุ่มที่สามารถใช้ในการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาได้อย่างทันที

สามารถเปรียบเทียบการแข่งขันด้วยการใช้ฟังก์ชันวิเคราะห์คู่แข่งในตัว

หากต้องการดูว่าการแข่งขันของคุณเป็นอย่างไร ปลั๊กอิน All in One SEO ช่วยได้ เนื่องจากมีฟังก์ชันในการตรวจสอบ SEO ที่รวดเร็วมาก และไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถใช้ในการตรวจสอบเว็บไซต์ของคู่แข่งได้อีกด้วย

การใช้งานนี้ต้องไปที่หน้า All in One SEO >> SEO Analysis และเปลี่ยนไปที่แท็บวิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข็ง (Analyze Competitor Site tab) 

Competition Analysis

เพิ่ม No Index ในเนื้อหาที่คุณต้องการแยกออกจากเครื่องมือค้นหาได้อย่างง่ายดาย

หากต้องการแยกโพสต์หรือหน้าเพจบางหน้าออกจากเครื่องมือการค้นหา เพื่อไม่ให้จัดทำดัชนีเว็บไซต์ สามารถใช้ปลั๊กอิน All in One SEO ได้เลย จะช่วยให้คุณกำหนดได้ว่าต้องการให้เครื่องมือการค้นหาจัดทำดัชนีหน้าไหน โพสต์ใด ได้ตามความต้องการ โดยไปที่การตั้งค่า AIOSEO และสลับไปที่แท็บขั้นสูง สลับสวิตช์ข้างตัวเลือกใช้การตั้งค่าเริ่มต้น (Default Setting) และคุณจะมองเห็นตัวเลือกมากมาย

noindex posts pages

คุณสามารถทำเครื่องหมาย No Index และ No Follow เพื่อให้เครื่องมือค้นหาไม่เลือกข้อมูลเหล่านี้แสดงบนหน้าผลการค้นหา

นอกจากนั้นยังสามารถตั้งค่าการแสดงตัวอย่างวีดีโอให้เป็น -1 ซึ่งเป็นการตั้งค่าสูงสุด เพื่อกำหนดให้ไม่มีการแสดงตัวอย่างวีดีโอที่ฝังเอาไว้ในเว็บไซต์

นำเข้าข้อมูล SEO จากปลั๊กอิน SEO อื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

ปลั๊กอิน All in One SEO มาพร้อมกับเครื่องมือนำเข้าข้อมูล SEO โดยสามารถดึงข้อมูลจากปลั๊กอินเก่าใน WordPress ของคุณ และถ่ายโอนข้อมูลไปยัง All in One SEO

เมื่อเปิดใช้งาน All in One SEO แล้ว โปรแกรมจะเปิดตัวช่วยสำหรับการสร้างการตั้งค่า และในระหว่างนี้โปรแกรมจะทำการตรวจสอบปลั๊กอิน SEO ตัวเก่า และให้คุณเลือกว่าต้องการดึงข้อมูลมากตัวไหน

Import SEO data

คุณสามารถนำเข้าข้อมูล SEO ที่ต้องการได้ด้วยตนเอง โดยให้ไปที่หน้า All in One SEO >> Tools และไปที่แท็บ “Import/Export”

Import SEO data manually

ค้นหาคำสั่ง “Import Settings From Other Plugins” ซึ่งเป็นการนำเข้าการตั้งค่าจากปลั๊กอินอื่น ๆ จากนั้นให้เลือกปลั๊กอิน SEO เก่าในเว็บไซต์จากรายการ drop-down และเลือกรายการที่ต้องการดึงข้อมูล จากนั้นคลิกที่ “Import” เป็นอันเสร็จสิ้น

Import Settings

All in One SEO สามารถดึงข้อมูล SEO ต่อไปนี้

  • การตั้งค่า SEO ของปลั๊กอินของคุณ
  • Post meta เช่น SEO title และ Description
  • Trem meta เช่น SEO title และ Description ของหมวดหมู่และแท็กภายในเว็บไซต์

บทเพิ่มเติม : แนะนำวิธีการเริ่มต้นใช้งาน All in One SEO สำหรับ WordPress

คุณรู้หรือไม่ว่าการเริ่มต้นใช้งาน All in One SEO สำหรับ WordPress นั้นง่ายมาก โดยสิ่งแรกที่ต้องทำคือการติดตั้งและเปิดใช้งานปลั๊กอินนี้ ซึ่งหากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าอ่านที่บทความแนะนำวิธีการติดตั้งปลั๊กอินสำหรับ WordPress นี้ได้เลย

หมายเหตุ : All in One SEO สำหรับ WordPress เป็นปลั๊กอินพรีเมียมที่ต้องชำระเงินในการใช้งาน แต่ก็ยังมีเวอร์ชันฟรีที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่แพ้แบบพรีเมียมเลย ซึ่งปลั๊กอินฟรีตัวนี้มีชื่อว่า All in One SEO Lite

เมื่อเปิดใช้งานปลั๊กอินจะเปิดตัววิซาร์ดการตั้งค่าทีละขั้นตอน เพียงตอบคำถามประมาณสองสามข้อ เพื่อทำวิซาร์ดการตั้งค่าให้เสร็จสมบูรณ์ หลังจากนั้นจะสามารถใช้งานปลั๊กอิน เพื่อตรวจสอบ ปรับแต่ง แก้ไข ให้เว็บไซต์ WordPress มีประสิทธิภาพ และคุณภาพทางด้าน SEO ที่ดีที่สุด เพื่อเพิ่มอัตราการเข้าชม และอันดับของเว็บไซต์ให้สูงขึ้นได้

Click lets get started setup wizard

หวังว่าบทความนี้ช่วยให้ได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่เคยรู้ในเรื่องของปลั๊กอืน All in One SEO ซึ่งเป็นปลั๊กอินที่ยอดเยี่ยม ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อเทียบกับตัวอื่น ๆ 

ดังนั้นหากคุณกำลังทำเว็บไซต์ WordPress แนะนำว่าควรใช้ปลั๊กอิน All in One SEO เพื่อให้การปรับปรุง พัฒนา ตรวจสอบและแก้ไขปัญหา เป็นเรื่องที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก ประหยัดเวลา และมีผลลัพธ์ทางด้าน SEO ที่ดีที่สุด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *