เรียน SEO ออนไลน์ ตัวต่อตัว

Page-Level Factors เป็นปัจจัยที่ส่งผลในระดับหน้าเว็บเพจ ซึ่งแน่นอนว่ามันมีผลต่อการจัดอันดับใน Google จะมีอะไรบ้างนั้น เราไปดูตัวอย่างคร่าวๆ กันเลย

1. Keyword in Title Tag: หรือคำหลักในการชื่อแท็ก แม้ว่ามันอาจจะดูเหมือนไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่แท็กชื่อของคุณสำคัญมากในการหาขอมูลบน Google เช่นเมื่อคุณจะเขียนบล็อกเกี่ยวกับอะไรซักอย่าง คุณจะต้องมีคำหลักที่เกี่ยวข้องในแท็กชื่อ หากโพสต์ของคุณเกี่ยวกับการอธิบาย Freelance ชื่อของบทความในบล็อกควรมีคำหลัก: “Freelance คืออะไร” กฎข้อหนึ่งที่ควรมีคือ การตั้ง Title Tag ให้เหมาะสมก็คือคุณไม่ควรที่จะตั้งยาวเกินไป เพราะหน้าจอแสดงผลบนgoogleนั้นมีจำกัด ถ้าคุณตั้งยาวเกินไป คนก็จะเห็น Title ของคุณไม่ครบถ้วน
2. Title Tag Starts with Keyword: เว็บที่เกี่ยวกับ SEO อย่าง Moz ได้บอกไว้ว่า จริงๆ แล้วแท็กชื่อที่เริ่มต้นด้วยคำหลักมีแนวโน้มที่จะทำงานได้ดีกว่าแท็กชื่อด้วยคำหลักในตอนท้ายของแท็ก
3. Keyword in Description Tag: แม้ว่าจริงๆแล้ว Google จะออกมาบอกว่ามันไม่มีผลต่อการค้นหาใน Google แต่ Meta Description หรือคำอธิบายที่แสดงผลอยู่ใน Title Tag และ URL นั้นเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้คนคลิก หรือไม่คลิกไปยังเว็บไซต์ของคุณ เพราะเราสามารถอ่านตอนเสิร์ชหน้า Google ได้ว่าเนื้อหาที่เราต้องการรู้มีอยู่ในเว็บนั้น ๆ หรือไม่

4. Keyword Appears in H1 Tag: Tag H1 นั้นเป็นภาษา HTML ที่สำคัญมากที่สุด เพราะนอกจากจะทำหน้าที่เน้นตัวอักษรให้ใหญ่และหนาแล้วมันยังให้ความสำคัญของ Keyword ที่มากที่สุดด้วย และที่สำคัญ H1 Tag ยังเป็นหนึ่งใน ปัจจัยที่ Google ใช้ในการจัดอันดับ SEO
5. TF-IDF คือเทคนิคการคัดแยกคำตามความสำคัญโดยการให้น้ำหนักคำในแต่ละคำโดยใช้ 2 ปัจจัยคือ TF และ IDF
6. Content Length: คือความยาวของข้อมูลเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์

7. Table of Contents: การวางลิงค์ที่สารบัญ จะช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของเราได้ดีขึ้น และสารบัญเป็นหนึ่งในปัจจัยของการทำ SEO อีกด้วย

8. Keyword Density: เป็นความหนาแน่นของกลุ่มคำที่เราต้องการทำ SEO ที่แสดงอยู่บนหน้าเว็บเพจ โดย Keyword density ไม่ใช่ก็จัดการใส่ๆ หรืออัดๆ คำต่างๆ เข้าไป หากทำอย่างนั้น เว็บเราก็จะถูกจัดว่าเป็น Spam อย่างแน่นอน ซึ่งการที่เราปรับแต่งเว็บไซด์ของเราให้ไปกันได้ดีกับ Search Engine จะส่งทำให้เว็บไซต์มีผู้เข้าชมมากขึ้น และทำให้ Search Engine ปรับระดับ Ranking ให้เว็บไซต์ของเราดีขึ้นไปด้วย
9. Latent Semantic Indexing Keywords in Content (LSI): ในหัวข้อนี้จะเกี่ยวข้องกับคำที่มีความหมายคล้ายกันและถูกใช้อยู่ใน concept เดียวกัน การใช้คำตรงนี้ นอกจากจะช่วยให้เพิ่มความน่าสนใจจากการเล่นคำในบทความแล้ว (ไม่ใช่ใช้แต่คำซ้ำ ๆ เดิม ๆ) Matt Cutts ยังเคยพูดเอาไว้ใน SEO Advice เมื่อหลายปีก่อนด้วยว่า การใช้คำความหมายคล้ายๆ กันนั้น จะช่วยให้เว็บไซต์เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า Keyword เดียว หรือก็คือการทำ Long Tail Keyword ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง แถม Cutts ยังทิ้งท้ายไว้ว่า เค้าแนะนำให้คำนึงการใช้คำหลากหลาย มากกว่าการพูดอะไรซ้ำๆ
10. Duplicate Content: เนื้อหาที่ซ้ำกัน (รวมถึงการแก้ไขเล็กน้อย) ซึ่งสิ่งนี้อาจส่งผลไม่ดีต่อการทำ SEO และทำให้อันดับของเว็บไซต์ใน Google ตก มี 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ เนื้อหาที่ซ้ำกันในเว็บไซต์ของคุณเอง กับเนื้อหาที่ซ้ำกันกับเว็บไซต์อื่นๆ
11. Google Hummingbird: เทคโนโลยีหนึ่งของ Google ที่สามารถทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับต้นๆของ Googleได้ นั่นก็คือ Google Hummingbird มันเป็นชื่อหนึ่งของแพลตฟอร์มการค้นหา ซึ่งที่มาของชื่อนี้มาจากความรวดเร็วและความแม่นยำของนก Hummingbird จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ความสำคัญกับการค้นหาข้อมูล รวมไปถึงความหมายและจุดประสงค์ในการค้นหาโดยจะคำนึงถึงความต้องการของผู้ค้นหามากที่สุด
12. Image Optimization: นอกจากเราจะต้องให้ความสำคัญกับชื่อเรื่องหรือเนื้อหาแล้ว รูปภาพก็ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลให้การค้นหาเว็บไซต์ของเราติดอันดับของ Google สิ่งหนึ่งคือเราต้องต้องใส่คีย์เวิร์ดเพื่อบอกให้กูเกิ้ลรู้ว่าภาพของเราคือภาพอะไร และดึงมาแสดงผลเมื่อมีการค้นหาคำนั้นๆ
13. Content Recency: การอัปเดตของ Google จะสนับสนุนเนื้อหาที่เผยแพร่หรืออัปเดตไปเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยเหมือนกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการค้นหาที่ระบุเวลา

14. URL String: คือตัวระบุแหล่งทรัพยากรสากลประเภทหนึ่ง ซึ่ง Google จะอ่านหมวดหมู่ใน URL และอาจให้สัญญาณเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับหน้าการค้นหา
15. WordPress Tags: คำสั้นๆ ที่มีผลต่อการจัดอันดับของกูเกิ้ลซึ่งคำสั้นๆ ที่ว่านั้นเอาไว้เพื่ออธิบายว่าบทความนั้นๆ มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง
16. Bullets and Numbered Lists: การมีสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อยหรือลำดับเลข การแบ่งเนื้อหาจะทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น ซึ่ง Google จะเห็นด้วยและชอบเนื้อหาที่มีสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อยและตัวเลข มันจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลให้เว็บไซต์ติดอันดับในGoogle