Yoast SEO สุดยอดปลั๊กอินสำหรับการจัดทำ SEO ฟรีสำหรับ WordPress

Yoast เป็นโปรแกรมปลั๊กอิน SEO สำหรับใช้งานใน WordPress เพื่อช่วยให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพไซต์ของ โดย Yoast จะมีฟังค์ชั่นเครื่องมือค้นหาและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเนื้อหาในไซต์ ซึ่ง Yoast SEO มี 2 เวอร์ชันให้งานกัน คือ 1. เวอร์ชันฟรี และ 2. เวอร์ชันพรีเมียม 

ความแตกต่างของ Yoast SEO คือ Yoast SEO เวอร์ชันฟรี จะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้ถูกหลักของเสิร์ชเอนจิ้นและ SEO โดยมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่เข้าใจง่าย แต่สำหรับ Yoast SEO เวอร์ชันพรีเมียมจะมีฟีเจอร์ขั้นสูงที่ช่วยในการวิเคราะห์เพิ่มเติม 

ข้อดีของ Yoast SEO คือใช้งานง่ายเหมาะสำหรับคนทำ SEO ทุกระดับ มีประโยชน์ดังนี้ 

1. ทำให้เสิร์ชเอนจิ้นค้นหาไซต์เจอได้ง่ายขึ้น ช่วยให้คุณได้รับการจัดอันดับที่สูงขึ้นใน SERP
2. ช่วยปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งาน (User experience)  และเพิ่มความเร็วของไซต์

Yoast SEO จึงได้กลายเป็นหนึ่งในปลั๊กอิน WordPress ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตัวหนึ่ง เพราะช่วยให้คนทำ SEO เหล่าบล็อกเกอร์ นักเขียน สามารถสร้างบทความคุณภาพและช่วยปรับปรุงคุณภาพเนื้อหาในเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น เพราะปลั๊กอินนี้ จะให้คำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์ของคุณได้เป็นอย่างดี

หลังจากติดตั้ง Yoast SEO คุณสามารถเข้าถึงแดชบอร์ด (Dashboard) ได้โดยคลิกที่ แท็บ SEO ใหม่ ในแดชบอร์ด (Dashboard) WordPress ของคุณ เมื่อคลิกลิงก์ วิซาร์ด  (Wizard) การกำหนดค่า SEO จะให้คำแนะนำแก่คุณเพื่อช่วยให้คุณตั้งค่า SEO พื้นฐานทั้งหมด:

การติดตั้ง Yoast SEO

ปลั๊กอินนี้ติดตั้งและใช้งานง่าย ในระหว่างการใช้งานจะมีวิซาร์ด (Wizard) ที่ตรวจสอบว่า คุณได้ทำทีละขั้นตอนครบหรือไม่? ป้องกันความผิดพลาดในการติดตั้ง เมื่อทำการติดตั้งเสร็จสิ้นแล้ว จะมีแดชบอร์ด (Dashboard) ที่ช่วยตรวจสอบว่าหน้าได้รับการจัดทำดัชนีโดย Google หรือ Bing หรือไม่? และตรวจสอบสถานะของแผนผังไซต์ของคุณ พร้อมฟังก์ชั่นอื่นๆ อีกมากมาย

การตั้งค่าครั้งแรกสำหรับการจัดทำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับค่าเริ่มต้น

1. เริ่มต้นด้วยการคลิกที่ Start first-time configuration ระบบจะนำเข้าสู่หน้า Setup เว็บไซต์ให้เหมาะกับการเข้าถึงการทำดัชนีของ Search Engine

2. การกำหนดค่าเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้เหมาะสำหรับการค้นหา มี Option ต่างๆ ดังนี้

• SEO DATA OPTIMIZATION ช่วยจัดทำดัชนี โดยปรับปรุงปัญหาทางเทคนิคทันที แบบอัตโนมัติโดยคุณที่ไม่ต้องดำเนินการใดๆ 
• SITE REPRESENTATION กำหนดว่าเป็นองค์กรหรือบุคคล การทำตามขั้นตอนนี้จะช่วยให้ Google เข้าใจเว็บไซต์ของคุณยิ่งขึ้น
• SOCIAL PROFILES เพิ่มโปรไฟล์ Facebook และ Twitter ขององค์กรของคุณ เพื่อให้ระบบสามารถเพิ่มประสิทธิภาพข้อมูลเมตาสำหรับแพลตฟอร์มเหล่านั้นได้
• PERSONAL PREFERENCES ติดตามการใช้งาน Yoast SEO ให้ข้อมูลกับผู้พัฒนาเพื่อปรับปรุง SEO ว่าสามารถรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนเกี่ยวกับเว็บไซต์และวิธีการใช้งานของคุณได้หรือไม่? รวมไปถึงการติดตามข่าวสาร SEO ล่าสุด และรับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ Yoast SEO 
• FINISH CONFIGURATION เสร็จสิ้นการทำงานการส่งข้อมูลให้กับทีม Indexables เพื่อช่วยให้ทีมงานสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับไซต์ของคุณได้มากขึ้น

นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งค่าระบบกับแท็ปต่างๆ ใน Section ของการตั้งค่าระบบเพื่อจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพได้อีกหลายตัวเลือก ในที่นี้จะยกตัวอย่างการตั้งค่าของระบบที่ควรเปิดใช้งาน

• ส่วนของ Features จะมีส่วนต่างๆ ให้เปิดหรือปิดการใช้งานได้ หากมีข้อสงสัยการใช้งานในส่วนต่างๆ สามารถคลิกที่เครื่องหมายคำถามหลังหัวข้อต่างๆ เพื่อศึกษาว่าฟังก์ชั่นนี้ส่งผลอะไรต่อการทำงานบ้าง แต่แนะนำว่ายังไม่ต้องเซตค่าใดๆ นอกเหนือจากค่าเริ่มต้นที่ระบบมีให้ หัวข้อต่อไปนี้คือการเปิด หรือปิดการใช้งานตรวจสอบเนื้อหาของคุณ

• SEO analysis การวิเคราะห์ SEO 
• Readability analysis การวิเคราะห์ความสามารถในการอ่าน
• Inclusive language analysis Premium Beta การวิเคราะห์ภาษาแบบรวม
• Cornerstone content ฟีเจอร์เนื้อหาสำคัญช่วยให้คุณทำเครื่องหมายและกรองเนื้อหาสำคัญบนเว็บไซต์ของคุณได้
• Text link counter ตัวนับลิงก์ข้อความ
• Insights ข้อมูลเชิงลึก
• Link suggestions (Premium) แนะนำลิงค์ (เฉพาะพรีเมียมเท่านั้น)
• XML sitemaps แผนผังเว็บไซต์ XML
• Admin bar menu เมนูแถบผู้ดูแลระบบ
• Security: no advanced or schema settings for authors ตั้งค่าความปลอดภัย (ไม่มีการตั้งค่าขั้นสูงหรือสคีมาสำหรับผู้เขียน)
• Usage tracking การติดตามการใช้งาน
• REST API: Head endpoint การกำหนดปลายทางส่วนหัว
• Enhanced Slack sharing การปรับปรุงการมองเห็นของข้อมูลเมื่อแชร์บน Slack
• IndexNow Premium ทำการ Ping เครื่องมือค้นหาอัตโนมัติเมื่อคุณทำการเผยแพร่หรืออัพเดทเนื้อหา

• ส่วนของ Integrations ส่วนนี้คุณสามารถเพิ่มส่วนปลั๊กอินอื่นๆ เพื่อทำงานร่วมกันกับ Yoast ได้ แต่แท็ปนี้จะมีการแยกการทำงานไปเป็นตัวเลือกด้านข้างแทน

• Site Connections Verification Code การตั้งค่าให้ระบบได้ยืนยันความเป็นเจ้าของในเครื่องมือต่างๆ ที่เชื่อมต่อกันกับตัวเว็บไซต์

• Crawl Optimization เป็นการตั้งค่าการรวบรวมข้อมูลเพื่อให้ไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพ แต่แท็ปนี้จำเป็นต้องมีการใช้งาน Yoast SEO Premium เท่านั้น และยังสามารถช่วยให้คุณลบ URL  (เพิ่มโดย WordPress) ที่อาจไม่จำเป็นสำหรับไซต์ของคุณได้อีกด้วย

การติดตั้ง Yoast SEO แบบ Premium

Yoast SEO Premium เป็น “ส่วนเสริม” สำหรับปลั๊กอินเวอร์ชันฟรี ซึ่งหมายความว่า Yoast SEO Premium เป็นคู่หูของเวอร์ชันฟรีเลยก็ว่าได้ กล่าวคือ คุณต้องใช้ปลั๊กอินทั้งสองจึงจะใช้งานได้ ดังนั้นก่อนที่คุณจะสามารถติดตั้ง Yoast SEO Premium ได้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ติดตั้งและเปิดใช้งาน Yoast SEO ฟรีอยู่ในขณะนี้ และที่สำคัญ ควรอัปเดตเวอร์ชั่นฟรี ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดก่อนติดตั้ง Yoast SEO Premium

การติดตั้งเวอร์ชั่นพรีเมียมนั้น คุณต้องทำการอัพโหลดไฟล์ Yoast SEO Premium เท่านั้น เพราะว่าไม่สามารถค้นหาได้ในคลังของ Plugin WordPress

ฟีเจอร์เด่นๆ ที่น่าสนใจของ Yoast SEO Premium

• ฟังก์ชั่น Workouts ช่วยทำให้ไซต์ของคุณมีรูปแบบที่ดีถูกต้องตามหลัก SEO เช่น ช่วยให้บทความสำคัญของคุณมีอันดับสูงขึ้น เพิ่มยอดวิวในการอ่านบทความนั้นๆได้มากขึ้น , ทำช่วยปรับปรุงเนื้อหา (clean up) เนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น จนทำให้ Google ค้นหาหน้าได้ง่ายขึ้น , ช่วยเพิ่มลิงก์ภายในไปยังโพสต์และเพจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• ฟังก์ชั่น Redirects ช่วยเปลี่ยนเส้นทางบนเว็บไซต์ (อีกหนึ่งวิธีที่พบได้บ่อยที่สุด ใช้เพื่อแก้ไขลิงก์เสีย , ปัญหาตามรูปแบบบัญญัติ และเนื้อหาที่ซ้ำกัน ซึ่งมีความสำคัญสำหรับ SEO)

ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของการเปลี่ยนเส้นทาง คือ สามารถใช้เพื่อแก้ไขลิงก์ที่เสียเมื่อหน้าถูกลบหรือย้าย โดยชี้ URL ทั้งหมดไปที่ URL เดียวที่ถูกต้อว ดังนั้น แล้วการเปลี่ยนเส้นทางเป็นวิธีการส่ง URL หนึ่งไปยังอีก URL หนึ่ง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับ SEO เพราะจะช่วยให้ Google เข้าใจว่าคุณต้องการสร้างดัชนีหน้าใดในไซต์ของคุณ 

ทำไมต้องใช้ ฟังก์ชั่น Redirects :

• หน้าเก่าไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปหรือมีความเกี่ยวข้อง
• เพจเก่าถูกเปลี่ยนชื่อและจำเป็นต้องอัพเดทด้วยชื่อใหม่ในทุกหน้าที่ลิงค์มา
• เพจเก่าถูกย้ายแล้วและจำเป็นต้องอัพเดทตำแหน่งใหม่ในทุกหน้าที่ลิงค์มา

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในเคสเปลี่ยนเส้นทาง คือ โครงสร้าง URL เปลี่ยนแปลง อย่างในกรณีที่คุณมีบล็อกโพสต์เกี่ยวกับ “วิธีการอบคุกกี้” และคุณตัดสินใจเปลี่ยนหมวดหมู่จาก “สูตรอาหาร” เป็น “อาหาร” คุณจะต้องสร้างการเปลี่ยนเส้นทาง เพื่อให้มีคนเข้าชมเว็บไซต์เปลี่ยนเส้นทางไปยังตำแหน่ง URL ใหม่ 

Yoast SEO Premium สามารถเปลี่ยนเส้นทางเหล่านี้ให้คุณโดยอัตโนมัติ โดยเปลี่ยนเส้นทางให้คุณย้ายหน้าและโพสต์จากเว็บไซต์เก่าไปยังใหม่ได้

• ส่วนของ Site basics เป็นส่วนการจัดการที่มีประสิทธิภาพ สำหรับการแสดงผลในระบบการค้นหาของ Search Engine 

การใช้งานและความสำคัญของ Meta Yoast SEO

Meta Yoast จะทำงานคู่กับตัวแก้ไขหรือ Editor ของ WordPress โดยจะทำการตรวจจับคำในบทความที่เราได้วางใน Editor ว่ามีส่วนไหนที่ไม่ตรงตามหลักบ้าง “ในบทความนี้จะกล่าวถึงการทำงานของเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันพรีเมียม ซึ่งหากคุณไม่ได้ใช้เวอร์ชันพรีเมียมจะมีบางฟังก์ชั่นที่ไม่สามารถใช้งานได้” 

แถบด้านข้างซ้ายมือ (ตามรูป) และแถบด้านล่าง (ตามรูป) ทั้งสองแถบนี้จะทำหน้าที่ ตรวจสอบความถูกหลัก (Detect) ของบทความที่ต้องการจัดทำ SEO โดยจะมีรายละเอียดแต่ละหัวข้อดังนี้

1. แท็ป SEO

• Focus Keyphrase วาง Keyword ที่ต้องการเน้นสำหรับบทความนี้

• Google Preview ระบบจะช่วยจัดวางรูปแบบของหัวข้อและรายละเอียด เพื่อความถูกต้องและความน่าสนใจของเนื้อหาสำหรับผลลัพธ์การค้นหาบน Google หรือ Search Engine อื่นๆ

• Premium SEO analysis ระบบจะทำการตรวจสอบความถูกต้อง โดยดูว่ามีส่วนไหนที่ไม่สมบูรณ์ หรือลืมทำหรือเปล่า เช่น การทำ Outbound Link, การใส่รูปภาพในบทความ, ความยาวของบทความที่แนะนำ, หัวข้อ, ลิงค์ภายใน สามารถดูการตรวจสอบได้จากสองส่วนคือด้านล่างและด้านข้างของ Editor

• Add related keyphrase  ระบบจะเน้นย้ำคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาได้เพิ่มเติมเพื่อการเข้าถึงได้ง่ายของ Search Engine Bot 

• Track SEO performance  ระบบติดตามประสิทธิภาพของ SEO ใช้ Wincher (เปิดในแท็บเบราว์เซอร์ใหม่) คุณสามารถติดตามตำแหน่งการจัดอันดับของหน้าเว็บของคุณในผลการค้นหาตามคำหลักของคุณ

• Cornerstone content ระบบจัดการสำหรับเนื้อหาสำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดอันดับของเว็บไซต์

• Insights & Advanced สามารถตรวจสอบเนื้อหาเชิงลึงได้อย่างละเอียด

2. แท็ป Readability ช่วยตรวจสอบและจัดการความสำคัญและความสอดคล้องของเนื้อหาของ เช่น ความยาวประโยค ความต่อเนื่องของประโยค การย่อหน้า การกระจายหัวข้อย่อยๆ เป็นต้น

3. แท็ป Schema ช่วยให้เสิร์ชเอนจิ้นเข้าใจเว็บไซต์และเนื้อหาบนเว็บไซต์ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าบางอย่างสำหรับหน้านี้ได้แต่ละจุด

4. แท็ป Social ช่วยตั้งค่าการแชร์เว็บไซต์ที่จะปรากฎในโซเชียลมีเดีย โดยสามารถกำหนดรูปในการแสดงผล หรือการแทรกตัวแปรสำหรับการแสดงผลได้

การระบุ Canonical URL

Canonical URL จะช่วยให้เสิร์ชเอนจิ้นรู้ว่า หน้าเว็บใดควรได้รับการจัดทำดัชนีและจัดอันดับให้สูงขึ้นในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERPS) นอกจากนี้ Canonical URL ยังช่วยในเรื่องเนื้อหาที่ซ้ำกัน เมื่อมี URL สองรายการขึ้นไปที่ชี้ไปยังเนื้อหาเดียวกัน Canonical URL จะกำหนดให้ URL หนึ่งรายการเป็น URL ตามรูปแบบบัญญัติ จากนั้น URL อื่นๆ จะชี้กลับไปที่ URL ตามรูปแบบบัญญัติเพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดทำดัชนี ดังนั้น Canonical จึงช่วยลดการสร้างเนื้อหาที่ซ้ำกัน และช่วยผลักดันให้เว็บไซต์ถูกจัดอันดับที่สูงขึ้นได้

การเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่าง Yoast SEO และ Yoast SEO Premium

ฟีเจอร์เด่น	Yoast SEO	Yoast SEO Premium
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ SEO	เข้าถึงฟีเจอร์เรียนรู้เพิ่มเติมและคำแนะนำการใช้งานได้จำกัด	เข้าถึงฟีเจอร์เรียนรู้เพิ่มเติมและคำแนะนำการใช้งานครบถ้วนสมบูรณ์
ระยะเวลาทำ SEO	คุณจะต้องใช้เวลาและความพยายามเพิ่มขึ้นในการทำงานกับการกำหนดค่าต่างๆ ด้วยตนเอง	ฟีเจอร์พรีเมียมทั้งหมดมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยคุณประหยัดเวลา มีการใช้ Workouts เพื่อเริ่มเพิ่มประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว!
สามารถทำให้การเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาที่ดีขึ้นได้	แสดงผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเนื้อหาเว็บไซต์ได้เบื้องต้น	แสดงผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเนื้อหาเว็บไซต์แบบขั้นสูง
การจัดอันดับของเพจผิด สำหรับคีย์เวิร์ดบางคำ	คุณจะต้องค้นหาหน้าที่เกี่ยวข้องด้วยตนเอง และเชื่อมโยงด้วยตนเอง เพื่อสร้างโครงสร้างการเชื่อมโยงภายใน	คุณสามารถใช้คุณลักษณะการเชื่อมโยงภายใน (Internal) เพื่อให้แน่ใจว่า Google รู้ว่าหน้าใดสำคัญที่สุด
การจัดการกับหน้าที่เสีย (404 error)	สร้างการเปลี่ยนเส้นทางด้วยตนเองสำหรับทุกหน้าที่คุณลบ	เปลี่ยนเส้นทางหน้าเว็บที่คุณลบออกโดยอัตโนมัติ และจัดการการเปลี่ยนเส้นทางของคุณได้ง่ายๆ
ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมในการใช้ Yoast SEO	ค้นหาคำตอบของคุณในศูนย์ช่วยเหลือหรือฟอรัมสนับสนุนฟรี	สามารถ ถามคำถามของคุณกับทีมสนับสนุนที่พร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ WordPress ของคุณด้วย Rank Math SEO

Rank Math SEO เป็นปลั๊กอินที่ช่วยให้เว็บมาสเตอร์มองเห็นเว็บไซต์ตัวเองบนเสิร์ชเอนจิ้น โดยระบุคำหลักที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์มากที่สุด เป็นกลยุทธ์ที่ใช้คณิตศาสตร์ สถิติ และอัลกอริธึมขั้นสูงในการระบุคีย์เวิร์ดที่ดีที่สุดสำหรับเว็บไซต์ของคุณ เพื่อทำให้ Google ค้นหาเว็บไซต์ของคุณเจอได้ง่ายยิ่งขึ้น

เมื่อคุณติดตั้ง Rank Math เป็นครั้งแรก กระบวนการตั้งค่าจะเริ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อคุณติดตั้ง Rank Math เป็นครั้งแรก คุณสามารถเรียกใช้อีกครั้งโดยไปที่ WordPress Dashboard > Rank Math > Dashboard > Setup Wizard

เมื่อทำการติดตั้งแล้ว จะต้องทำการ Connect Free Account เชื่อมต่อไซต์ของคุณกับ Rank Math 

Config ข้อมูลเว็บไซต์ของคุณ

ระบบจะให้คุณใส่ข้อมูลต่างๆ ของเว็บไซต์ ยกตัวอย่าง เช่น

• My Blog is a…
• Logo for Google
• Default Social Share Image

การเชื่อมต่อกับ Google Search Console (ภาพการเชื่อมต่อทีละขั้นตอน)

การตั้งค่า Sitemap Settings

• Sitemaps จัดการเรื่องตั้งค่า XML เพื่อให้ Bot สามารถเข้าถึงโครงสร้างของเว็บไซต์ได้ง่ายๆ
• Include Images เลือกเพื่ออ้างอิงถึงรูปภาพจากเนื้อหาโพสต์ในแผนผังเว็บไซต์ จะช่วยให้เครื่องมือค้นหาจัดทำดัชนีรูปภาพของคุณภาพดีขึ้น
• Public Post Types เลือกประเภทโพสต์เพื่อเปิดใช้งานตัวเลือก SEO และรวมไว้ในแผนผังเว็บไซต์
• Public Taxonomies เป็นการจัดระบบและการจำแนกหมวดหมู่

การปรับแต่งการตั้งค่าเพิ่มเติม ด้วย SEO Tweaks Settings

• Noindex Empty Category and Tag Archives การตั้งค่าไฟล์เก็บถาวรที่ว่างเปล่า เป็น noindex ที่มีประโยชน์ในการหลีกเลี่ยงการจัดทำดัชนีของหน้าเนื้อหาน้อย และช่วยลดอันดับของหน้า ทันทีที่มีการเพิ่มโพสต์ หน้าจะถูกอัปเดตเป็นดัชนีได้
• Nofollow External Links การเพิ่มแอตทริบิวต์ rel=”nofollow” โดยอัตโนมัติสำหรับลิงก์ภายนอกที่ปรากฏในโพสต์ หน้า และประเภทโพสต์อื่นๆ ซึ่งจะถูกนำไปใช้แบบไดนามิกเมื่อมีการแสดงเนื้อหา และเนื้อหาที่เก็บไว้จะไม่เปลี่ยนแปลง
• Open External Links in New Tab/Window ตั้งค่าให้เปิด External Link หรือ Outbound เป็นแท็ปใหม่ในเบราว์เซอร์

เมื่อทำการ Setup ระบบของ Wizard เสร็จสิ้นแล้ว คุณสามารถเข้ามาเซตค่าในส่วนต่างๆ ของ Rankmath ได้ดังนี้

ส่วนที่ 1 Dashboard

เป็นส่วนสำคัญหน้าแรกของ Rank Math ซึ่งคุณสามารถตั้งค่าในส่วนนี้ได้อย่างเช่น 

• Modules สามารถที่จะ Add-on การใช้งานปลั๊กอินหรือระบบอื่นๆ เข้ามาใช้งานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• Help การช่วยเหลือ ซึ่งมี Support คอยให้การช่วยเหลืออยู่ตลอด
• Setup Wizard สำหรับการเริ่มต้นติดตั้งปลั๊กอิน เป็นค่าหลักที่ไม่ควรละเลยในการติดตั้งระบบ
• Import & Export นำเข้าหรือส่งออกไฟล์ หรือ Data Source ใดๆ 

ส่วนที่ 2 Analytics

สามารถเชื่อมต่อ Analytics กับ Google Search Console ได้ โดยส่วนนี้สามารถติดตามการจัดอันดับหน้าและคำหลักด้วยโมดูลการวิเคราะห์ขั้นสูง โดยการตั้งค่า Google Analytics ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้ปลั๊กอินของบุคคลที่สาม การส่ง Sitemap แบบอัตโนมัติ รวมถึงคำแนะนำคีย์เวิร์ดอื่นๆ

ส่วนที่ 3 General Settings

เป็นการตั้งค่าทั่วไปสำหรับการทำงานตรวจสอบเนื้อหา เช่น ลิงค์ และเครื่องมือต่างๆ รวมถึง Robots.txt ที่ค่อนข้างครอบคลุมการทำงานในที่เดียว

• Links จัดการเปิด/ปิด หรือดำเนินการบางลิงก์ในเว็บไซต์ของคุณ หรือทำการ Redirect 
• Breadcrumbs สามารถตั้งค่าฟังก์ชัน Breadcrumbs ได้ที่นี่
• Webmaster Tools กำหนดเครื่องมือรหัสยืนยันสำหรับนักพัฒนาระบบ เช่น Google Search Console เป็นต้น
• Others ตั้งค่าอื่นๆ เช่น การสนับสนุน CMS, การแสดงคะแนน SEO กับผู้เข้าชม, ข่าว RSS Feed
• Edit robots.txt จัดการการกระทำทั้งหมดเกี่ยวกับไฟล์ Robots
• Edit .htaccess จัดการหรือแก้ไขไฟล์ htaccess 
• Analytics เชื่อมต่อ Analytics เหมือนกับในส่วนที่ 2
• Content Al รับคำแนะนำ AI สำหรับการสำรวจเพิ่มเติม และที่เกี่ยวข้อง

ส่วนที่ 4 Titles & Meta

เป็นการกำหนดค่าหลักต่างๆ แบบละเอียดให้กับหัวข้อและรายละเอียด

• Global Meta เปลี่ยนการตั้งค่าเมตาส่วนกลางที่มีผลทั่วทั้งเว็บไซต์ของคุณ
• Local SEO ปรับให้เหมาะสมสำหรับการค้นหาในท้องถิ่น
• Social Meta ปรับเมตาสำหรับสื่อ Social Meida
• Homepage ปรับการตั้งค่าเมตาสำหรับหน้าแรกที่จะทำดัชนีหลัก
• Authors ปรับเมตาสำหรับผู้เขียน
• Misc Pages ปรับ Option การตั้งค่าสำหรับหน้าอื่นๆ ในเว็บไซต์
• Posts ปรับการตั้งค่าหลักสำหรับโพสต์
• Pages รับการตั้งค่าหลักสำหรับเพจ
• Attachments ค่าเมตาสำหรับไฟล์แนบ
• Categories ปรับการตั้งค่าหลักสำหรับหมวดหมู่
• Tags ปรับการตั้งค่าหลักสำหรับแท็ก

ส่วนที่ 5 Sitemap Settings

ส่วนของการตั้งค่าโครงสร้าง Sitemap ทั้งหมด เช่น จำนวนลิงค์ที่ทำแผนผัง การจัดทำเรื่องและหน้าต่างๆ รวมไว้ในแผนผังเว็บไซต์

• General แท็บนี้มีการตั้งค่าทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับแผนผังเว็บไซต์ XML
• Posts เปลี่ยนการตั้งค่าแผนผังเว็บไซต์ของโพสต์เดียว
• Pages เปลี่ยนการตั้งค่าแผนผังเว็บไซต์ของหน้าเดียว
• Attachments เปลี่ยนการตั้งค่าแผนผังเว็บไซต์ของไฟล์แนบ
• Categories เปลี่ยนการตั้งค่าแผนผังเว็บไซต์ของที่เก็บถาวรหมวดหมู่
• Tags การตั้งค่าแผนผังเว็บไซต์ของแท็ก

ส่วนที่ 6 Instant Indexing

ส่วนนี้เป็นการจัดส่งการทำดัชนีโดยทันที โดยจะมีการแทรก URL เพื่อส่งไปยัง IndexNow API

• Submit URLS ช่วยแทรก URL เพื่อส่งไปยัง IndexNow API 
• Settings ช่วยตั้งค่าเพื่อจัดทำดัชนีของเรื่อง หน้า สื่อ (Media) และการตั้งค่า API
• History แสดงประวัติการส่งการทำดัชนี

ส่วนที่ 7-10

เป็นอีก 4 ส่วนที่มีความสำคัญในการจัดทำข้อมูล SEO เป็นอย่างมาก

• Schema Templates เทมเพลตการทำ Schema  เพื่อให้ Search Engine เข้าใจว่าข้อมูลที่เราจัดทำในหน้ามีความเกี่ยวข้องกับอะไร
• SEO Analysis การวิเคราะห์ข้อมูลของ SEO เมื่อมีการใช้งานเนื้อหาผ่าน Rankmath
• Status & Tools เป็นสถานะ การจัดการ และแคชของข้อมูล โดยมีการใช้ Tool ภายในในการจัดการข้อมูลเหล่านั้น
• Help & Support สอบถาม ช่วยเหลือปัญหาการใช้งานต่างๆ

การตรวจสอบบทความที่ใช้งานผ่าน Rank Math

แถบการจัดการแสดงถึงการตรวจสอบเนื้อหา หรือเรียกว่าการ Detect ให้ตรงตามหลัก SEO อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่ง Rank Math ได้ออกแบบหัวข้อต่างๆ ขึ้นมาเพื่อให้สามารถจัดการกับข้อมูลเนื้อหาใน Editor ได้อย่างดีเยี่ยม

การใช้งานตรวจสอบเนื้อหาของ Rank Math

ในการตรวจสอบเนื้อหาหน้า Editor จะมีปุ่มแสดงคะแนนของการตรวจสอบเนื้อหาที่ได้ประสิทธิภาพของ Rank Math

ส่วนถัดมาจะเป็นแท็ปสำหรับการจัดการกับเนื้อหาสำหรับการตรวจสอบ มีดังนี้

• General ส่วนหลักสำหรับในการตรวจสอบเนื้อหาของบทความ จะมีการแสดง Preview สำหรับการแสดงผลบน Search Engine รวมถึงการกำหนด Focus Keyword อีกด้วย

และส่วนต่อมาในด้านล่าง จะแสดงเป็น 4 หัวข้อหลักสำหรับตรวจสอบเนื้อหา คือ 

1. Basic SEO เน้นในเรื่องของการจัดการกับ Focus Keyword กับเนื้อหาและความยาวของเนื้อหา
2. Additional ลงรายละเอียดของคีย์หลักในหัวข้อความหนาแน่นของคำหลัก , ความยาวของ URL, ลิงค์ Internal and External 
3. Title Readability อ่านหัวข้อที่เข้าใจหรือเข้าถึงง่าย การวางคำหลักที่ดีในหัวข้อ เป็นต้น
4. Content Readability ปรับปรุงเนื้อหาให้อ่านง่ายขึ้น โดยใช้สารบัญ การใช้ย่อหน้าสั้นๆ การใช้รูปหรือวีดีโอประกอบในเนื้อหา

• Advanced สามารถตั้งค่า Robots Meta ได้ สามารถเลือกได้หลาย Option รวมไปถึงการกำหนด Snippet และการพรีวิวต่างๆ อีกด้วย

• Schema กำหนดค่า Schema Markup สำหรับเว็บไซต์ของคุณ ส่วนนี้เป็นเครื่องมือค้นหา ใช้ข้อมูลที่มีโครงสร้างเพื่อแสดงผลการค้นหาที่เป็นส่วนต่างๆ ที่สมบูรณ์ใน SERP 

• Social ตั้งค่าการแสดงผลบน Social โดยสามารถ Customize รูปสำหรับหน้านี้ได้เพื่อให้แสดงผลได้อย่างสวยงาม

เป็นยังไงกันบ้างกับบทความเปรียบเทียบความแตกต่างของปลั๊กอิน 2 ที่เอามาฝากกัน ปลั๊กอินแต่ละแบบก็มีข้อดีและรูปแบบการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน แต่สุดท้ายแล้ว ปลั๊กอินก็เป็นเพียงแค่การตรวจสอบความถูกต้องและเป็น Tool ตัวนึงที่ทำให้เราทำงานได้ง่ายและสะดวกขึ้นในการจัดทำดัชนีเท่านั้น เพราะต่อให้คุณมีปลั๊กอินจะมีฟีเจอร์ที่ช่วย SEO ได้มากแค่ไหน แต่ก็อย่าลืมที่จะทำบทความดีๆ มีเนื้อหาที่คุณภาพออกสู่สายตาผู้ใช้อย่างเป็นประโยชน์กับผู้ที่เข้ามาอ่าน นี่แหละ คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่มากกว่าตัวช่วยใดๆ