ปลั๊กอินสร้างฟอร์ม WordPress ที่ดี แถมฟรีในปี 2024

หากคุณเคยเข้าเว็บไซต์ของคุณ Neil Patel มาก่อน คุณจะพอทราบได้ว่า พวกเขาใช้ ” ปลั๊กอินสร้างฟอร์ม ” โดยสิ่งนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บล็อกนี้เติบโตจนมีผู้อ่านหลายล้านคนในแต่ละเดือน และในบทความนี้ เราจะมาดูรีวิวของคุณ Neil Patel เกี่ยวกับปลั๊กอินสร้างฟอร์มใน WordPress ที่ดีที่สุด 7 อันดับแรกซึ่งคุณสามารถเริ่มใช้งานได้เลยวันนี้

1. Elementor ปลั๊กอินสร้างฟอร์ม WordPress ที่ปรับแต่งได้ดีที่สุด

คุณอาจจะเคยได้ยินชื่อ Elementor มาก่อน เพราะมันเป็นหนึ่งใน ปลั๊กอินของ WordPress ใช้งานได้หลากหลาย มีประสิทธิภาพมากที่สุด และด้วย Elementor Pro คุณจะได้รับเครื่องมือหลักและชุดเครื่องมือ Template และ Widget อีกหลายร้อยรายการ

Elementor ปลั๊กอินสร้างฟอร์มใน WordPress

ในบรรดา Widget ที่คุณสามารถเพิ่มลงไปในเว็บไซต์ของคุณนั้น เป็นรูปแบบที่สามารถกำหนดเองได้ โดยคุณสามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่ว่าต้องการให้ใช้ข้อมูลใดและมีลักษณะอย่างไร โดยไม่จำเป็นต้องมีการเขียนโค้ดใดๆ ตั้งแต่แบบฟอร์มการติดต่อหรือการเก็บข้อมูลลูกค้าเป้าหมาย ไปจนถึงแบบสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า การลงทะเบียนบัญชี และการตอบรับกิจกรรมของลูกค้า โดยคุณสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ใน Elementor ได้อย่างไม่จำกัด ด้วยเครื่องมือแก้ไขที่ใช้งานได้ง่าย คุณจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการตั้งค่า Field ที่คุณต้องการ, จับคู่แบบฟอร์มกับการสร้างแบรนด์ของคุณ, และตั้งค่าการดำเนินการสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากส่งแบบฟอร์ม

สร้างแบบฟอร์มที่มีหลายขั้นตอนเพื่อรวบรวมและคัดเลือกลูกค้าเป้าหมายซึ่งจะมีการส่งอีเมลถึงพวกเขาหลังจากส่งข้อมูลแล้ว สามารถป้อนข้อมูลของพวกเขาลงใน CRM ของคุณโดยอัตโนมัติภายในไม่กี่นาที และนี่เป็นเพียงแค่หนึ่งตัวอย่างเท่านั้นแบบฟอร์มของ Elementor จะสามารถเชื่อมกับ CRM ชั้นนำ รวมถึงแพลตฟอร์มการตลาดผ่านอีเมลได้อย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับ ปลั๊กอินของ WordPress อันอื่นๆ เช่น Yoast และแพลตฟอร์มอย่าง Slack, Discord, และ YouTube

นอกจากนี้ยังมีการป้องกันสแปมและ reCAPTCHA ในตัวเพื่อป้องกันไม่ให้แบบฟอร์มของคุณถูก Bot บุกรุก รวมถึงการลงทะเบียนด้วยชื่อปลอมและที่จริงแล้วนั่นเป็นเพียงแค่สิ่งเบื้องต้นที่คุณสามารถทำได้ด้วยแบบฟอร์มที่อยู่ในตัวปลั๊กอิน แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่า Elementor Pro สำหรับหนึ่งเว็บไซต์นั้นมีราคาเพียง $49 ต่อปีเท่านั้น ราคาถูกกว่าบางตัวเลือกในรายการที่สามารถทำได้เฉพาะแบบฟอร์มเท่านั้น หากคุณต้องการใช้มากกว่าหนึ่งเว็บ คุณสามารถสมัครใช้สำหรับ 3 เว็บไซต์ได้ในราคา $99 ต่อปี หรือสมัครสำหรับเว็บไซต์ได้สูงสุดถึง 25 แห่งในราคา $199 ต่อปี

2. Gravity Forms ปลั๊กอินสร้างฟอร์ม WordPress ขั้นสูง

Gravity Forms ปลั๊กอินสร้างฟอร์มขั้นสูง

Gravity Forms เป็นมากกว่าแค่แบบฟอร์มการติดต่อทั่วไป มันมีการผสานรวมส่วนเสริมมากมาย ปลั๊กอินตัวนี้ไม่มีเวอร์ชั่นฟรี แต่ส่วนเสริมที่คุณจะสามารถสร้างขึ้นสำหรับปลั๊กอินนั้นเป็นรูปแบบคุ้มค่ามาก ทั้งครอบคลุมสามารถปรับแต่งได้ หากคุณเป็นนักพัฒนาที่ต้องการสร้างฟอร์มที่ไม่เหมือนใคร Gravity Forms ตอบโจทย์อย่างมากสำหรับคุณ โดยสามารถปรับขนาดได้สำหรับธุรกิจของคุณ และมีความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม

คุณสามารถเลือกได้ 3 แพ็คเกจ:

  • Basic – $59 ต่อปี
  • Pro – $159 ต่อปี
  • Elite – $259 ต่อปี

แบบ Basic จะให้แบบฟอร์มและรายการที่ไม่จำกัดสำหรับหนึ่งเว็บไซต์ ด้วยแบบฟอร์มหลายหน้า เงื่อนไขต่างๆ การอัปโหลดไฟล์นั้น ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์จะมีตัวเลือกมากกว่าแบบฟอร์มหน้าเดียวทั่วไป โดยการอัปเดตอัตโนมัติและการสนับสนุนมาตรฐานจะช่วยให้คุณมีทรัพยากรที่จำเป็นในการทำงานของแบบฟอร์มของคุณ

ดาวเด่นที่แท้จริงของ Gravity Forms คือตัวเลือกเสริม แม้จะมีแพ็คเกจพื้นฐาน แต่คุณยังสามารถได้รับตัวเลือกเสริมมากมาย รวมถึง Mailchimp, ActiveCampaign, AWeber, HubSpot, และอื่นๆอีกมากมายแบบ Pro จะสามารถใช้ได้กับ 3 เว็บไซต์ และให้ฟีเจอร์ทั้งหมดแบบเดียวกับ Basic ซึ่งเมื่อคุณใช้แบบ Pro คุณจะต้องจ่ายค่าส่วนเสริม แต่ด้วยการชำระเงิน, CRM, และส่วนเสริมในการจัดการอื่นๆ คุณจะพบว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น

สุดท้าย แบบ Elite ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ซึ่งให้คุณใช้งานไม่จำกัดจำนวนเว็บไซต์และได้คุณสมบัติแบบเดียวกับ Pro ทั้งหมด ด้วย Elite คุณจะสามารถสร้างแบบฟอร์มประเภทอื่นๆ เช่น แบบสำรวจ, โพล, แบบทดสอบต่างๆได้ คุณยังสามารถทำให้การกรอกแบบฟอร์มของคุณสะดวกยิ่งขึ้นด้วยการใช้ลายเซ็น, การลงทะเบียนผู้ใช้, และรายการบางส่วน นอกจากนี้ด้วยการสนับสนุนตามลำดับความสำคัญ คุณจะได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

3. Jetpack Forms ปลั๊กอินสร้างฟอร์มที่มีความปลอดภัยที่ดีที่สุด

Jetpack เป็นเหมือนชุดโปรแกรมมากกว่าเป็นแค่ปลั๊กอิน แต่ก็ยังมีคุณลักษณะของแบบฟอร์มมากมาย คุณอาจไม่พบรูปแบบที่อลังการ แต่มีฟอร์มที่มากเพียงพอหากคุณไม่ได้ต้องการอะไรแฟนซีมาก สิ่งที่ Jetpack ขาดไปในเรื่องของความหรูหรานั้น สามารถชดเชยได้ด้วยการป้องกัน มันสามารถบล็อกสแปมได้ ให้ความปลอดภัยเป็นพิเศษ และมาพร้อมกับเครื่องมือทางการตลาด ในการใช้แบบฟอร์ม คุณจะต้องเปิดการใช้งาน Jetpack Contact Form ในการตั้งค่า ซึ่งคุณจะสามารถเข้าถึงคุณลักษณะฟีเจอร์ต่างๆ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อ จดหมายข่าว การลงทะเบียน ข้อเสนอแนะ การตอบกลับ แบบฟอร์มลงทะเบียนต่างๆ โดยที่คุณยังสามารถสร้างแบบฟอร์มของคุณเองได้ตั้งแต่ต้น สามารถระบุได้ว่าใครจะได้รับข้อความจากแบบฟอร์ม และด้วยฟีเจอร์ในการปรับแต่งยังสามารถสร้างฟอร์มเฉพาะด้วยตัวเลือกวันที่, Checkbox, วิทยุ, การเลือกต่างๆ โดยตัวแก้ไขบล็อกยังอนุญาตให้คุณลากและวาง หรือเพิ่มบล็อกที่ไม่ใช่ฟอร์มภายในได้อีกด้วย

แพ็คเกจแบบชำระเงินทั้งหมด 3 แบบ

  • แบบ Backup Daily – $7.95 ต่อเดือน
  • แบบ Security Daily – $19.95 ต่อเดือน
  • แบบ Complete – $79.95 ต่อเดือน

ถ้าหากคุณต้องการความปลอดภัยมากขี้นให้พิจารณาการอัปเกรด โดย Backup Daily สำรองข้อมูลอัตโนมัติรายวัน สามารถกูคืนด้วยคลิกเดียว และมีพื้นที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์ไม่จำกัดอีกด้วย

Security Daily ประกอบด้วยการสแกนอัตโนมัติ การป้องกันสแปม และวีดีโอโฮสติ้งที่ไม่จำกัดบนเว็บไซต์ แพ็คเกจที่สมบูรณ์นี้จะมาพร้อมกับการสแกนอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ การสำรองเอาข้อมูลนอกสถานที่ เพื่อให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา คุณจะได้รับ CRM, การค้นหาเว็บไซต์ และเครื่องมือทางการตลาดและการออกแบบเพิ่มเติม

4. WPForms ปลั๊กอินสร้างฟอร์ม WordPress ที่ยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพดีที่สุด

WPForms เป็นหนึ่งในปลั๊กอิน WordPress ที่มี Interface ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้งานและผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์ โดยไม่ต้องกังวลกับโค้ดหรือความซับซ้อน เป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างแบบฟอร์มหลายหน้า มีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมรวมไปถึงทุกอย่างตั้งแต่ความสามารถในการอัปโหลดไฟล์ไปจนถึงเงื่อนไขการใช้งาน คุณสามารถทำให้การส่งแบบฟอร์มเป็นเรื่องง่ายๆ ด้วยลายเซ็นต์ อีกทั้งยังสามารถสร้างแบบฟอร์มต่างๆ มากมายนอกเหนือจากแบบฟอร์มการติดต่อพื้นฐานด้วยส่วนเสริม

คุณสามารถเลือกได้จาก 5 แพ็คเกจ

  • แบบ Lite – ฟรี
  • แบบ Basic – $39.50 ต่อปี
  • แบบ Plus – $99.50 ต่อปี
  • แบบ Pro – $199.50 ต่อปี
  • แบบ Elite – $299.50 ต่อปี

WPForms แบบ Lite จะมี 3 Template และ 10 Field สำหรับแบบฟอร์ม ยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบจะเป็นแบบลากและวาง (Drag-and-drop)

  1. Basic จะให้ฟอร์มและรายการแบบไม่จำกัด รวมไปถึง Field ขั้นสูง, Template, และฟอร์มแบบหลายหน้า (Multi-page) ซึ่งมาพร้อมกับการสนับสนุนดาวน์โหลดและอัปเดตตลอดหนึ่งปีสำหรับหนึ่งเว็บไซต์
  2. Plus จะเป็นการอัปเกรดฟีเจอร์จากแบบ Basic ด้วยคุณสมบัติทางการตลาดที่มากขึ้น คุณจะได้รับแบบฟอร์มจดหมายข่าว, Mailchimp, AWeber, GetResponse, Campaign Monitor, Sendinblue, และ Drip สำหรับ 3 เว็บไซต์ และด้วยแพ็คเกจนี้คุณจะไม่มีปัญหาในการติดตามแบบฟอร์มของคุณ
  3. Pro คุณจะได้รับทุกอย่างที่แบบ Plus มีให้ พร้อมทั้งผสานรวมคุณสมบัติทางการตลาดที่มากขึ้น ด้วยการละทิ้งแบบฟอร์ม แบบฟอร์มสำหรับสนทนา แบบฟอร์มแบบออฟไลน์ และการจัดเก็บแบบฟอร์ม ผู้เข้าชมจะไม่ต้องกังวลกับการสูญเสียตำแหน่ง และนั่นหมายถึงการมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้แบบ Pro ยังอนุญาตให้รวม PayPal และ Stripe เพื่อชำระเงินได้อย่างง่ายดาย โดยคุณจะได้รับการสนับสนุนตามลำดับความสำคัญและการใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ได้สูงสุดถึง 5 เว็บไซต์

สุดท้าย แบบ Elite จะมีคุณสมบัติแบบเดียวกับแบบ Pro ทั้งหมด แต่มีความสามารถทางการตลาดที่มากกว่าเดิม ด้วย ActiveCampaign, Salesforce, Authorize.net และ Webhooks ซึ่งใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนเว็บไซต์ คุณจะมีเครื่องมือที่จำเป็นในการจัดการแบบฟอร์มของคุณ โดยแบบ Elite ยังมอบฟีเจอร์ในการจัดการลูกค้าและการสนับสนุนระดับพรีเมียมในกรณีที่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นอีกด้วย

5. Formidable Forms ปลั๊กอินสร้างฟอร์มสำหรับการทำงานที่ซับซ้อน

Formidable Forms ปลั๊กอินสร้างฟอร์ม

Formidable Forms ช่วยให้คุณสร้างแบบฟอร์มที่ซับซ้อนหรือเรียบง่ายได้ในแบบที่คุณต้องการ มีคุณลักษณะขั้นสูงมากกว่าฟอร์มปลั๊กอิน WordPress แบบอื่นๆ หากคุณเป็นนักพัฒนาขั้นสูง คุณจะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากมัน หากคุณรู้วิธีใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดของมัน โดยปลั๊กอินนี้อาจไม่เหมาะกับมือใหม่หัดทำสักเท่าไหร่ มีการรวมกับ WooCommerce ด้วยนะ คุณจะพบว่ามันมีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าคุณจะต้องการแบบฟอร์มการติดต่อที่ง่ายหรือแบบสำรวจที่ซับซ้อนก็ตาม

คุณสามารถใช้ Formidable Forms ได้ใน 4 แพ็คเกจ

  • แบบ Basic – $74 ต่อปี
  • แบบ Plus – $149 ต่อปี
  • แบบ Business – $299 ต่อปี
  • แบบ Elite – $599 ต่อปี
  1. Basic จะมาพร้อมกับแบบฟอร์มและรายการไม่จำกัด พร้อมด้วยแบบฟอร์มขั้นสูงและแบบ Multipage ฟีเจอร์การอัปโหลดไฟล์และตรวจทานก่อนส่งช่วยให้ผู้เข้าชมได้รับสิ่งที่ต้องการสำหรับการกรอกแบบฟอร์มอย่างมีประสิทธิภาพ การอัปเดตอัตโนมัติช่วยให้แบบฟอร์มของคุณนั้นทันสมัยอยู่เสมอ และคุณจะได้รับการสนับสนุนหนึ่งปีสำหรับ 1 เว็บไซต์
  2. Plus จะเป็นสำหรับ 3 เว็บไซต์ โดยมีการอัปเกรดส่วนเสริมขึ้นมา เช่น Mailchimp, AWeber, จดหมายข่าว, MailPoet, และ Bootstrap โดย Formidable Form จะมี View, Review, และความคิดเห็นที่ช่วยให้คุณเห็นว่าผู้คนคิดอย่างไรกับเว็บไซต์ของคุณ ใครใช้แบบฟอร์มของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างแบบสำรวจ โพลนอกเหนือจากแบบฟอร์มขั้นพื้นฐานได้อีกด้วย
  3. Business จะเพิ่มเครื่องคิดเลข การลงทะเบียนผู้ใช้งาน โดยจะได้รับส่วนเสริมในการชำระเงิน, Formidable Forms API, ตัวเลือกวันที่, และตัวสร้างแบบทดสอบ อีกทั้งคุณจะได้รับการปรับปรุงวิธีการใช้การตอบกลับแบบฟอร์มมากขึ้นไปอีก ด้วยส่วนเสริมทางการตลาด เช่น Campaign Monitor , GetResponse นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ Polylang เพื่อทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถเข้าถึงได้ในหลายภาษา ใช้ได้สูงสุดถึง 15 เว็บไซต์

สุดท้ายแบบ Elite ซึ่งมีการรวม WooCommerce เข้าด้วย โดยคุณยังสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือทางการตลาด เช่น ActiveCampaign, Salesforce, และ Hubspot ด้วยการเข้าถึง Template ของฟอร์มทั้งหมด, การใช้งานได้ไม่จำกัดจำนวนเว็บไซต์, ฟีเจอร์เดียวกับแพ็คเกจแบบ Business คุณจะได้รับวิธีปรับแต่งแบบฟอร์ม คุณจะได้รับการช่วยเหลือเป็นอันดับแรกหากมีปัญหาเกิดขึ้นกับตัวปลั๊กอินรวมไปถึงการใช้งานต่างๆ

6. Ninja Forms ปลั๊กอินสร้างฟอร์มที่แก้ไขฟอร์มได้เร็วที่สุด

Ninja Forms ปลั๊กอินสร้างฟอร์ม

Ninja Forms หน้าตาของปลั๊กอินนี้เป็นมิตรกับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้งาน ซึ่งประกอบไปด้วย Template ที่สร้างไว้ล่วงหน้า, Field เฉพาะ, ตัวเลือกการปรับแต่ง, และการจัดการสแปม โดยฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยให้คุณเพิ่มแบบฟอร์มได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องการ

โดยคุณจะมีตัวเลือกแพ็คเกจแบบชำระเงินทั้งหมด 3 แบบ

  • แบบ Personal – $99.50 ต่อปี
  • แบบ Professional – $199.50 ต่อปี
  • แบบ Agency – $249.50 ต่อปี
  1. Personal จะใช้ได้สำหรับ 1 เว็บไซต์ โดยจะได้รับการสนับสนุนเป็นลำดับต้นๆ สามารถใช้ Feature การสร้างแบบฟอร์ม เช่น เค้าโครงและรูปแบบตรรกะตามเงื่อนไข การอัปโหลดไฟล์ และแบบฟอร์ม Multipage รวมไปถึงส่วนเสริมทางการตลาด เช่น Mailchimp, Constant Contact, Campaign Monitor, และ ConvertKit ซึ่งช่วยให้คุณติดตามแคมเปญทางการตลาดและอัตราความสำเร็จของแคมเปญได้ อีกทั้งยังได้รับส่วนลด 20% สำหรับส่วนเสริมต่างๆที่คุณจะซื้อในอนาคต
  2. Professional คุณจะสามารถใช้ปลั๊กอินนี้ได้ใน 20 เว็บไซต์ ได้รับการรวมฟอร์มการชำระเงินเพิ่มเติม เช่น PayPal Express, Stripe เพื่อให้ลูกค้าซื้อขายสะดวกยิ่งขึ้น
  3. แบบ Agency มาพร้อมกับการใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนเว็บไซต์ ส่วนเสริมของฟอร์มทั้งหมด รวมไปถึงสิ่งที่ทางปลั๊กอินนี้จะมีในอนาคตอีกด้วย คุณสามารถเข้าถึงการผสานรวม CRM ทั้งหมด รวมถึง Salesforce, Zoho, Insightly, Hubspot, และอื่นๆอีกมากมาย รวมไปถึงการแจ้งเตือนทาง SMS และ Slack โดยการเชื่อมต่อแบบฟอร์มของคุณกับซอฟต์แวร์การจัดการ Workflow เช่น Trello และ Help Scout นอกจากนี้ยังมีการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง การตลาดทางอีเมล หากคุณต้องการฟีเจอร์เพียงบางอย่างเท่านั้น Ninja Forms ก็มีตัวเลือกตามสั่ง ซึ่งคุณสามารถเลือกเฉพาะสิ่งที่ต้องการได้ โดยมีค่าใช้จ่ายจั้งแต่ $29 ไปจนถึง $129 ต่อปีสำหรับเว็บไซต์สูงสุดทั้งหมด 20 เว็บ

7. HappyForms ปลั๊กอินสร้างฟอร์มน้ำหนักเบา

HappyForms ปลั๊กอินสร้างฟอร์ม

HappyForms เป็นปลั๊กอินรูปแบบเรียบง่ายที่สร้างขึ้นใน WordPress Customizer โดยโค้ดที่มีน้ำหนักเบาของมันจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยเครื่องมือการสร้างฟอร์มแบบ Drag-and-drop ทำให้ง่ายต่อการออกแบบเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การป้องกันสแปมของ Google reCaptcha แถมยังใช้งานกับ Gutenberg ได้อีกด้วย

โดยคุณสามารถเลือกได้จาก 3 แพ็คเกจ

  • แบบ Starter – $49 ต่อปี
  • แบบ Business – $99 ต่อปี
  • แบบ Professional – $249 ต่อปี
  1. Starter จะให้คุณปรับแต่งฟอร์มของคุณในเว็บไซต์เพียงหนึ่งเว็บไซต์เท่านั้น ด้วยเงื่อนไข ฟอร์มแบบ Multipage การตั้งเวลาและวันที่ รวมไปถึงการทำโพล สามารถปรับแต่งรายละเอียดการส่งได้ด้วยการแสดงตัวอย่างก่อนส่ง เปลี่ยนเส้นทางหลังจากการส่ง และรายการบล็อกการส่ง ด้วยเครื่องมือนำเข้าและส่งออกพร้อมกับการอัปโหลดไฟล์
  2. Business มอบการอัปเดตเป็นเวลาหนึ่งปีสำหรับ 5 เว็บไซต์ของคุณ รวมถึงฟีเจอร์จาก Starter ทั้งหมด ความแตกต่างหลักระหว่างสองแพ็คเกจคือ แบบ Business นั้นจะให้การผสานรวมอย่างอื่นเอาไว้ด้วยได้แก่ Google Analytics, Mailchimp, SendFox, PayPal, Constant Contact, Zapier, ActiveCampaign, และอื่นๆอีกมากมาย
  3. Professional คุณจะได้รับการอัปเดตหนึ่งปีเต็มสำหรับเว็บไซต์ไม่จำกัดจำนวน แต่จะไม่มีฟีเจอร์พิเศษที่นอกเหนือไปจากแบบ Business

สิ่งที่ต้องคำนึงในการใช้งานปลั๊กอินสร้างฟอร์ม WordPress

ก่อนที่คุณจะซื้อปลั๊กอินตัวใดก็ตาม คุณต้องทราบก่อนว่าปลั๊กอินตัวนั้นจะช่วยธุรกิจให้ดีขึ้นหรือไม่ ปลั๊กอินบางตัวนั้นมีฟีเจอร์ขั้นสูงก็จริง แต่คุณควรที่จะให้ความสำคัญกับสิ่งที่บริษัทหรือเว็บไซต์ของคุณต้องการ และนี่คือเหตุผลในการเลือกปลั๊กอินที่เราอยากนำมาฝาก

1. ความสามารถในการปรับแต่ง (Customizability)

ไม่ว่าคุณจะต้องการเครื่องมือหลายอย่างหรือความสามารถในการปรับแต่ง การรู้ว่าคุณสามารถเปลี่ยนฟอร์มได้มากน้อยเพียงใดเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยคุณได้ โดยแบบฟอร์มที่สามารถปรับแต่งได้อย่างเต็มที่จะทำให้คุณมีตัวเลือกมากขึ้น มองหาตัวเลือกต่างๆ เช่น จำนวน Field ที่คุณสามารถเพิ่มได้, Dropdown, ฟีเจอร์ในการออกแบบ ระดับความสามารถในการปรับแต่งเองจะกำหนดวิธีการทำงานของแบบฟอร์มสำหรับเว็บไซต์ของคุณ

2. Visual Builder

ตัวสร้างแบบ Drag-and-drop จะทำงานได้ดีกับผู้ที่เพิ่มเริ่มต้นใช้งาน อีกทั้งยังทำให้การเพิ่มฟอร์มในเว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามหากคุณมีประสบการณ์ในการสร้างเว็บไซต์และการผสมผสานองค์ประกอบต่างๆ เข้าด้วยกันอยู่แล้ว เครื่องมือแบบอิสระจะตอบโจทย์คุณมากกว่า

3. การป้องกันสแปม (Spam Protection)

คุณต้องการป้องกันสแปมสำหรับเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์รู้สึกปลอดภัย อีกทั้งช่วยให้ทั้งข้อมูลของพวกเขาและคุณปลอดภัยด้วย

4. การตอบสนอง (Responsiveness)

แบบฟอร์มของคุณควรใช้ได้กับอุปกรณ์ทุกประเภท ถ้ามันใช้งานบนมือถือไม่ได้นั้นจะกลายเป็นอุปสรรคต่อผู้เข้าชมทันที จากข้อมูลของ Sweor ผู้คนมากกว่า 57% จะไม่แนะนำเว็บไซต์ที่ไม่สามารถทำงานบนอุปกรณ์แบบพกพาได้ ดังนั้นทดสอบแบบฟอร์มของคุณและตรวจสอบให้แน่ใจว่า ผู้เข้าเยี่ยมชมนั้นสามารถกรอกแบบฟอร์มได้อย่างง่ายดายผ่านโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์พกพาแบบอื่นๆ ได้เหมือนกับบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

5. ตรรกะแบบมีเงื่อนไข (Conditional Logic)

ปลั๊กอินควรกำหนด ตรรกะแบบมีเงื่อนไขได้ เช่น “ถ้าเป็นเช่นนี้ แล้ว… If this, then that โดยเงื่อนไขเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าข้ามส่วนของแบบฟอร์มที่ไม่จำเป็นได้นั่นเอง

บทสรุป

ปลั๊กอินสร้างฟอร์ม WordPress ของคุณควรช่วยให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มได้ง่าย และเพื่อให้คุณได้รับคำตอบตามที่คุณต้องการ ปลั๊กอินรูปแบบที่ดีสำหรับ WordPress ควรมีมากกว่าแบบฟอร์มการติดต่อทั่วไป มองหาการป้องกันสแปม ความสามารถในการปรับแต่ง และตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์ เมื่อคุณมีแบบฟอร์มที่เข้าถึงผู้เข้าชมได้มากขึ้น คุณจะมีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนพวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ซื้อของคุณได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *