Ubersuggest เครื่องมือยอดนิยมในแวดวงนัก SEO และคนทำ Content Marketing ในปี 2023 เลยก็ว่าได้ ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Neil Patel ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ระดับโลก สาเหตุหลักที่เขาสร้าง Tool ขึ้นมา เพราะว่าอัลกอริทึมของกูเกิ้ลปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ ส่งผลการทำ SEO จะต้องวางกลยุทธ์ใหม่ๆ อยู่ตลอดนั่นเอง
ดังนั้น Ubersuggest จึงเข้ามาช่วยเรื่องการวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณและเปรียบเทียบ Performance ของเว็บคู่แข่ง พร้อมให้คำแนะนำที่ถูกต้องสำหรับปรับแต่งเว็บไซต์ ซึ่งเครื่องมือนี้จะเข้ามาช่วยให้การทำ SEO บนหน้าเว็บไซต์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะจุดประสงค์หลักในการทำ SEO ก็เพื่อให้หน้าเว็บติดอันดับสูงๆ บนกูเกิ้ลและคนเสิร์ชเจอในทุกการค้นหา ยิ่งลูกค้าเจอหน้าเว็บไซต์คุณอยู่บ่อยๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสการขายได้
สำหรับพาร์ทนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักโปรแกรมที่จะช่วยให้คุณทำคอนเทนต์การตลาดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังช่วยให้คุณสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจของลูกค้าอย่างแท้จริง
Ubersuggest คืออะไร
Ubersuggest เป็นโปรแกรมที่ช่วยวิเคราะห์เว็บไซต์ สำหรับใช้วางแผลกลยุทธ์การตลาดทางออนไลน์ โดยตอบโจทย์เรื่องการทำ SEO Analysis ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ค้นหา Keyword Research , ทำ SEO Audit ได้ และทำ Backlink Research ได้ ไม่เพียงแต่ใช้เช็คคุณภาพเว็บไซต์ของคุณเองได้แล้ว ยังสามารถใช้วิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่งได้อย่างเจาะลึกทำให้คุณสามารถดึงเอาเทคนิคต่างๆ ที่เว็บอื่นใช้แล้วเวิร์คมาปรับกับใช้กับหน้าเว็บไซต์ของคุณได้
ช่วงปีที่ผ่านมาได้มีการสร้างฟีจเจอร์ใหม่ๆที่น่าใช้ ตอบโจทย์นักการตลาดออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
- ค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพสูงได้หลากหลายแบบ
- วิเคราะห์ปัญหา SEO บนเว็บไซต์พร้อมแนะนำวิธีแก้ไข
- เสนอไอเดียการทำคอนเทนต์ที่น่ากดอ่าน ตรงกับความสนใจกลุ่มเป้าหมาย
- รองรับการใช้งานบน Chrome Extension
- เขียนบทความด้วย AI (ฟีจเจอร์ใหม่ล่าสุด แต่ยังไม่รองรับภาษาไทย)
เป็นตัวช่วยที่ทำให้นัก SEO Specialist วิเคราะห์ Data เว็บไซต์หลังบ้านได้แม่นยำมากขึ้น เพราะว่า กูเกิ้ลอัลกอริทึมมีการอัพเดตอยู่ตลอดเวลา ทำให้พวกเขาไม่ต้องมาคอยวิเคราะห์เว็บไซต์ด้วยตัวเองอีกต่อไป ซึ่งช่วยประหยัดเวลาการทำงานไปได้เยอะ ใครที่อยากศึกษาวิธีการใช้งานเจ้าเครื่องมือตัวนี้บนเว็บไซต์ ก็มีให้เช่นกัน โดนทาง Neil Patel ได้พัฒนาคลิปวิดีโอสอนการใช้งานที่เข้าใจง่ายแบบสั้นๆ ให้คุณได้ทดลองเรียนกันก่อน หรือถ้าคุณอยากลองเรียนรู้วิธีใช้งานด้วยตัวเองแบบรวดเร็วที่สุด แนะนำให้ลองมาอ่านบทความนี้กันดู
ทำไมนัก SEO ถึงเลือกใช้ Ubersuggest
อดปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Ubersuggest เป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์นักทำ SEO มากที่สุดในเวลานี้ เพราะหลังจากที่ทีมงาน MYWP ได้ลองใช้มาสักระยะบอกเลยว่า เครื่องมือตัวนี้ทำออกมาค่อยข้างตอบโจทย์การใช้งานนักทำ SEO เลยเพราะว่ามีฟีจเจอร์ที่วิเคราะห์ได้หลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็น คีย์เวิร์ด , แบ็คลิงค์ และทำ Site Audit ผลลัพธ์เมทริกซ์ SEO ที่แสดงผลบน Dashboard ยังตรงกับเสิร์ชเอนจิ้นของ Google ด้วย ซึ่งช่วยให้ง่ายเวลาอ่าน Dashboard โดยปกติแล้วคนทำ SEO จะนิยมใช้เพื่อดูผลลัพธ์ 3 ด้าน ดังนี้
- ใช้เพื่อวิเคราะห์คีย์เวิร์ดเว็บไซต์ก่อนทำคอนเทนต์
- ใช้เพื่อวิเคราะห์เว็บไซต์ เช็กสุขภาพของเว็บไซต์ว่าควรปรับอะไรบ้าง
- ใช้เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบอื่น ๆ ของ SEO พัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ
หากคุณพบปัญหาที่เกิดขึ้นและมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานของ Ubersuggest คุณถามกับทีม Support ได้ที่ Live Chat ที่แสดงอยู่บนหน้าจอเว็บไซต์ได้เลย ค่อนข้างที่จะสะดวก หากไม่มีปุ่มให้ Chat ก็ยังสามารถส่ง Ticket เพื่อรับการช่วยเหลือได้ เพียงแต่ว่าอาจจะใช้เวลานานหน่อย เพราะจะต้องส่งผ่านทางอีเมล์นั่นเอง
Ubersuggest ช่วยทำ SEO ได้อย่างไร
ในพาร์ทก่อนหน้านี้ เราได้แชร์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า เครื่องมือ Ubersuggest มีดียังไง ทำไมนักการตลาดและคนทำ SEO ถึงเลือกใช้กัน ต่อมาเรามาดูกันดีว่า เจ้าเครื่องมือนี้จะช่วยคุณ เวลาทำ SEO ได้อย่างไรบ้าง
- มี Dashboard ที่แสดงผลการวิเคราะห์ภาพรวม โดยสามารถ ดูผลการจัดอันดับของเว็บไซต์บน Google ได้ทันที , เช็กผล Performance เว็บไซต์ที่เจาะเฉพาะ Location , ติดตามจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ (Website Traffic) , ดูคีย์เวิร์ดที่ได้รับการจัดอันดับ , ติดตามคีย์เวิร์ดคู่แข่ง , ค้นหาคีย์เวิร์ดเว็บไซต์และเช็กแบ็คลิงค์ยอดนิยมของเว็บไซต์คู่แข่งได้
- ช่วยวิเคราะห์ Keyword ที่น่าสนใจ โดยคุณสามารถกดดูคำต่างๆได้ที่ Keyword Overview ตัวรายงานจะแสดงผลแบบจำนวนคำเสิร์ช (Search Volume) โดยคุณสามารถกำหนดขอบเขตการแสดงผลตามระยะเวลา , ตามข้อมูลประชากร (Demographic) ได้
- ช่วยค้นหา Keyword Ideas ต่างๆ เพื่อทำให้คุณสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจได้ดีมากขึ้น ซึ่ง Keyword Ideas จะใช้ค้นหาคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับคำหลักๆ อย่าง Related Keyword ที่ช่วยให้คุณรู้ว่า กลุ่มเป้าหมายเสิร์ชคำและมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง โดยข้อมูลแสดงผลตามความถี่การค้นหาและจำนวนครั้งที่คนค้นหา
- ช่วยค้นหาคีย์เวิร์ดใหม่ๆ ที่ไม่เคยพบมาก่อนและน่าสนใจ แล้วเก็บไว้ใช้ทำคอนเทนต์ได้ โดยฟีจเจอร์ Keyword List จะทำหน้าที่รวบรวมคีย์เวิร์ดที่มีคุณลักษณะที่ดีเอาไว้ เผื่อคุณหยิบคีย์เวิร์ดเหล่านี้มาใช้ในโปรเจคอื่นๆในอนาคต
- ช่วยค้นหาไอเดียการสร้างคอนเทนต์คุณภาพที่สะดวกไปอีกขั้น ด้วยฟีจเจอร์ Content Ideas ซึ่งคัดบทความคุณภาพเหมาะกับเว็บไซต์ของคุณ โดยแสดงผลคอนเทนต์ยอดนิยม ได้รับยอดแชร์จำนวนมากบน Facebook , Pinterest และ Reddit พร้อมแนะนำคีย์เวิร์ดควรนำมาใส่ในบทความเว็บไซต์ ซึ่งคีย์เวิร์ดส่วนใหญ่จะเป็นคำที่อยู่ในอันดับสูงๆบน Google และคีย์เวิร์ดที่นิยมนำมาใช้ทำ Backlink
- แสดงผลการวิเคราะห์จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์จากทั้งเว็บของคุณเองและเว็บไซต์คู่แข่งในฟีจเจอร์ Traffic Overview ซึ่งจะแสดงผลจำนวนการคลิกชมเว็บไซต์ (Traffic) โดยคุณสามารถเลือกดูผลลัพธ์โดยเจาะเฉพาะ Location ได้
- ดูประสิทธิภาพของเว็บไซต์คู่แข่งได้อย่างดีเยี่ยม คุณสามารถเช็กได้ว่าหน้าเว็บไหนของคู่แข่งที่มียอด Traffic สูงที่สุดใน Site โดยผลลัพธ์จะเรียงตาม Page Ranking , แสดงจำนวนคลิกการเข้าเว็บไซต์คู่แข่ง , แสดงคีย์เวิร์ดที่ได้รับการจัดอันดับสูง รวมถึงยังเช็กจำนวน traffic จากคีย์เวิร์ดสำคัญได้
- ช่วยวิเคราะห์คีย์เวิร์ดสำคัญของเว็บไซต์คู่แข่ง โดยจะจัดอันดับ Keyword ที่น่าสนใจมาแสดงผลบน Dashboard และยังสามารถเช็กได้ว่า ใครคือคู่แข่งเว็บไซต์ที่น่าสนใจ เอาไว้ Benchmark โดยคุณสามารถกดดูได้ที่ Similar Website
- ช่วยวิเคราะห์ On-Page SEO ได้จากหน้าเว็บทั้งหมด เพียงแค่คุณใส่ชื่อโดเมนเว็บไซต์ ระบบจะทำการตรวจสอบเว็บเพจแต่ละหน้า ทำการค้นหาข้อบกพร่องของเว็บไซต์ จากปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อ Page Ranking พร้อมให้คำแนะนำและสิ่งที่ต้องปรับปรุงแก้ไข
- ช่วยค้นหา Backlink ประสิทธิภาพสำหรับทำ Link Building นอกจากนี้ คุณยังสามารถเช็ก Backlink จากเว็บไซต์คู่แข่งได้ , ดูจำนวน Backlink ของเว็บไซต์คู่แข่งและทำการคัดเลือก Backlink ที่คุณภาพดี น่าหยิบมาใช้งาน
- ช่วยวิเคราะห์ Backlink Opportunity โดยจะรวบรวม Site ซึ่งเชื่อมกับเว็บไซต์คู่แข่ง แต่ไม่เชื่อมกับเว็บไซต์ของคุณ ทำให้คุณค้นพบ Backlink ใหม่ๆที่น่าเอามาทำเป็นแบ็คลิงก์ของเว็บคุณได้อีกทาง
- ช่วยวิเคราะห์หน้าเว็บคู่แข่งและเว็บของคุณ แล้วทำการรวบรวมคีย์เวิร์ดที่โด่ดเด่น มีคุณภาพสูงและราคาไม่แพงมาให้คุณได้พิจารณาบน Keyword Generator (นำเสนอคีย์เวิร์ดเทรนด์ใหม่ๆที่เว็บอื่นๆยังไม่ได้นำมาใช้กัน)
- ช่วยเขียนข้อความต่างๆอย่างเป็นธรรมชาติบนฟีจเจอร์ Ai Writer ที่มีระบบเขียนคอนเทนต์อัตโนมัติ สามารถสร้างงานเขียนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Meta Title, Description , Headings และบทความ เป็นต้น
หากคุณเข้าใจเรื่องการอ่านผลบน Dashboard และการวิเคราะห์ Data จากเครื่องมือเหล่านี้ จะทำให้คุณนำมาวางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ได้แม่นยำขึ้น สิ่งสำคัญในการอ่านข้อมูลเหล่านี้ ควรเริ่มต้นจากการที่คุณทำความเข้าใจ SEO Matrix แบบต่างๆ ก่อน
Ubersuggest ใช้ฟรีก่อนได้ไหม
คุณสามารถทดลองใช้ Ubersuggest แบบฟรีก่อนได้ โดยเปิดให้คุณได้ค้นหา Insight ด้าน SEO ครบทุกฟีจเจอร์เลย ไม่ว่าจะเป็น SEO Analyzer , AnswerThePublic , A/B Testing Calculator , Backlinks Checker , AI Rewriting Tool , Website ฯลฯ แต่มีข้อจำกัดอยู่ว่า คุณใช้ค้นหาได้เพียง 3 ครั้งต่อวันเท่านั้น อีกทั้งผลลัพธ์หน้าวิเคราะห์บางส่วนยังแสดงผลออกมาอย่างจำกัด ซึ่งหากคุณเป็นนัก SEO ที่ต้องวิเคราะห์และปรับแต่งเว็บไซต์อยู่เป็นประจำ เราแนะนำให้คุณซื้อและควรลงทุนกับเครื่องมือนี้ไว้ใช้ระยะยาวจะดีกว่า
อยากซื้อ Ubersuggest ราคาเท่าไหร่
สำหรับคนที่สนใจอยากซื้อแพ็คเกจของ Ubersuggest บอกเลยราคาไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลย โดยแพ็คเกจที่เปิดให้นักการตลาดและ Content Marketing ได้เลือกซื้อกันมีอยู่ 3 แบบ ดังนี้
- Individual ใช้ได้เพียง 1 ผู้ใช้งานเท่านั้น โดยราคาเริ่มต้น 12 ดอลล่าร์ต่อเดือน สามารถใช้ค้นหาได้ 150 ครั้งต่อวัน , เช็กประสิทธิภาพเว็บไซต์ได้ 1 โดเมน , ติดตาม Keyword ได้ทั้งหมด 125 คำ/โดเมน , เช็กโดเมนคู่แข่งได้ 5 เว็บไซต์และตรวจสอบคุณภาพเว็บเพจได้สูงสุด 1,000 หน้า/โดเมน
- Business ใช้งานได้ 2 ผู้ใช้งาน ราคาเพียง 20 ดอลล่าร์ต่อเดือน เลือกใช้ค้นหาได้ 300 ครั้งต่อวัน , เช็กประสิทธิภาพเว็บไซต์ได้ 7 โดเมน , ติดตาม Keyword ได้ทั้งหมด 150 คำ/โดเมน , เช็กโดเมนคู่แข่งได้ 10 เว็บไซต์ และ ตรวจสอบคุณภาพเว็บเพจได้สูงสุด 5,000 หน้า/โดเมน
- Enterprise ใช้งานได้ 5 ผู้ใช้งาน ราคาเพียง 40 ดอลล่าร์ต่อเดือน เลือกใช้ค้นหาได้ 900 ครั้งต่อวัน , เช็กประสิทธิภาพเว็บไซต์ได้ 15 โดเมน , ติดตาม Keyword ได้ทั้งหมด 300 คำ/โดเมน , เช็กโดเมนคู่แข่งได้ 15 เว็บไซต์และตรวจสอบคุณภาพเว็บเพจได้สูงสุด 10,000 หน้า/โดเมน
หากใครอยากทดลองใช้ฟรีก่อน ก็มีเวอร์ชั่นแบบ Free Trials ให้คุณได้ลองเล่นก่อน 7 วัน ซึ่งเราแนะนำให้คุณซื้อแบบเหมารายปีจะดีกว่า เพราะคุณจะได้รับส่วนลดมากถึง 90% เลยทีเดียว
เริ่มต้นใช้งาน Ubersuggest ในการค้นหาคีย์เวิร์ด
จุดเด่นของ Ubersuggest อยู่ตรงที่สามารถค้นหาคีย์เวิร์ดให้เหมาะกับเว็บไซต์โดยเฉพาะ ยิ่งถ้าคุณมีหน้าเว็บไซต์เป็นของตัวเอง แต่ยังไม่รู้ว่าจะใช้คีย์เวิร์ดแบบไหนดีมาใช้ทำคอนเทนต์บนเว็บไซต์ แนะนำให้ลองมาใช้กันดูนะ ในพาร์ทนี้เราจะรีวิววิธีการใช้งานและฟีจเจอร์สุดเจ๋งที่น่าเล่นน่าทดลองใช้กันครับ
วิธีการค้นหาคีย์เวิร์ดที่โด่ดเด่น มี 3 ขั้นตอน ดังนี้
- สร้างโปรเจคใหม่
- ค้นหาคีย์เวิร์ดของเว็บไซต์คู่แข่งและรวบรวมคำคีย์เวิร์ดทั้งหมดลงใน Master Sheet
- อัพโหลดคีย์เวิร์ดที่ต้องการวิเคราะห์
ขั้นตอนที่ 1 สร้างโปรเจคใหม่
ให้คุณกดที่ปุ่ม Dashboard ด้านขวามือ จากนั้นคลิก Add Project
ต่อมาให้พิมพ์ชื่อโดเมนหรือชื่อเว็บไซต์ที่คุณต้องการตรวจสอบประสิทธิภาพ
จากนั้นให้คุณกำหนดภาษาและประเทศที่คุณต้องการติดตามผลการวิเคราะห์ จากนั้นให้กด Next
โปรแกรมจะแสดงหน้าจอ Keyword Ranking Tracking โดยสามารถเลือกใส่คีย์เวิร์ดหลักได้ 3 วิธีคือ
1. ใส่คีย์เวิร์ดลงในช่อง “keywords you currently rank for”
2. ใส่คีย์เวิร์ดลงในช่อง Paste Keyword
3. ใส่คีย์เวิร์ดโดยแนบไฟล์นามสกุลที่ CVS ได้เลย
หมายเหตุ : ผลการวิเคราะห์คีย์เวิรด์จะแตกต่างกันขึ้น ซึ่งอยู่กับ Location และการแข่งขันของคีย์เวิร์ด
สำหรับในส่วน Competitive Analysis จะเป็นฟังค์ชั่งค์ที่ช่วยวิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่ง ตรงนี้ให้คุณใส่ชื่อโดเมนเว็บไซต์คู่แข่งลงในช่อง Competitors added to project แล้วให้คุณกด Next ต่อไป
ขั้นตอนที่ 2 ค้นหาคีย์เวิร์ดของเว็บไซต์คู่แข่งและรวบรวมคำคีย์เวิร์ดทั้งหมดลงใน Master Sheet
หลังจากใส่ข้อมูลโปรเจคใหม่เรียบร้อยแล้ว หากคุณต้องการเช็กคีย์เวิร์ดของเว็บไซต์คู่แข่ง ให้คุณเข้าไปที่ปุ่ม Traffic Overview ด้านข้างขวามือ
จากนั้นให้ใส่ชื่อโดเมนของคู่แข่งและ Location ที่ต้องการวิเคราะห์ผล
เสร็จแล้วให้ไปที่แถบ Keyword Research แล้วเลือกปุ่ม Keywords by Traffic ด้านซ้ายมือ ซึ่งรายงานจะแสดงผลลัพธ์การจัดอันดับของคีย์เวิร์ดบนเว็บไซต์คู่แข่งบน Dashboard ภาพรวม
Keywords by Traffic จะแสดงผลแบบค่าเมทริกซ์ SEO สำหรับนำไปใช้วิเคราะห์คีย์เวิร์ดต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนการค้นหา Search Volume (vol) , ตำแหน่งจัดอันดับเว็บไซต์ (Position) , จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ Estimated Visits (EST. Visits) และค่าความยาก SEO Difficulty (SD)
วิธีการอ่านค่า เมทริกซ์ SEO มีดังนี้
- Search Volume คือ จำนวนครั้งการค้นหาคีย์เวิร์ดต่อเดือน ยิ่ง Search Volume มีจำนวนมากแสดงว่า คนค้นหาและสนใจเรื่องนั้นเยอะ
- SEO Difficulty (SD) คือ ค่าความยากของคีย์เวิร์ดที่จะทำให้เว็บไซต์อยู่ในอันดับที่สูงขึ้น หากค่า SEO Difficulty มีจำนวนเยอะ แสดงว่าคีย์เวิร์ดคำนั้นมีการแข่งขันสูง
- EST. Visits คือ จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์
- Position คือ ตำแหน่งการจัดอันดับบนเว็บไซต์ ยิ่งเลขน้อยแสดงว่าเว็บไซต์นั้นอยู่ในอันดับสูงๆ
หากคุณต้องการดึง Data คำสำคัญเหล่านี้ เป็นไฟล์ CSV ให้คุณกด Export To CSV ที่แถบด้านบนจะทำให้ข้อมูลทั้งหมดถูกดาวน์โหลดออกมาเป็นไฟล์ CSV
ขั้นตอนที่ 3 อัพโหลดคีย์เวิร์ดที่ต้องการวิเคราะห์บน Ubersuggest เพื่อประเมินคุณภาพคีย์เวิร์ด
หากคุณต้องการติดตามลิสต์คีย์เวิร์ดบนเว็บไซต์และประเมินคุณภาพคีย์เวิร์ด ให้คุณเริ่มต้นอัพโหลดคีย์เวิร์ด โดยเข้าไปคลิกที่ Project Dashboard แล้วกดที่ View Rank Tracking
จากนั้นให้คลิกที่ปุ่ม Add Keywords ด้านล่าง
จากนั้นให้เลือกเมาท์ไปที่แถบ Tracked Keywords แล้วกดที่ปุ่ม Add Keyword เพื่ออัพโหลดไฟล์ CSV ที่รวบรวมคีย์เวิร์ดสำคัญเอาไว้
เคล็ดลับการเขียนบทความ SEO ให้คุณนำคีย์เวิร์ดบนผลลัพธ์หน้า Keyword Research มาใส่ในบทความบนเว็บไซต์และควรนำ Related Keyword มาใส่ในบทความด้วยเช่นกัน วิธีนี้จะทำให้คุณได้คอนเทนต์ที่ตรงกับดารค้นหาของผู้ใช้งานยิ่งขึ้น
ทริคหาไอเดียเขียนบทความบน Ubersuggest
จะคิดหัวข้อบทความอย่างไรให้โดนใจลูกค้ามากที่สุด สิ่งสำคัญการในเขียนคอนเทนต์ให้ถูกใจคนอ่าน คือคุณจะต้องหาเรื่องที่พวกเขากำลังสนใจแล้วเอามาด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย เล่าด้วยภาษาในสไตล์ที่ลูกค้าชื่นชอบซึ่งการหาเรื่องมาเขียน ทำเป็นคอนเทนต์ที่ทำให้ลูกค้าสนใจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับพาร์ทนี้เราเลยจะมาแชร์ประโยชน์เจ๋งๆของ Ubersuggest กัน ว่าสามารถช่วยคุณเรื่องนี้ได้
อย่างแรกให้คุณเข้าไปที่ Project Dashboard ที่เคยสร้างเอาไว้ > จากนั้นให้ไปที่หมวด Keyword Research ด้านซ้ายมือ > คลิกที่ Content Idea
เสร็จแล้วให้คุณใส่คีย์เวิร์ดยอดนิยมของเว็บไซต์ลงในช่องเสิร์ชและกำหนดประเทศให้เรียบร้อย แล้วให้กดปุ่ม Search ซึ่งจะแสดงผลลัพธ์หน้าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาตรงกับคีย์เวิร์ดที่คุณใส่เข้าไป
วิธีอ่านผลบน Content Idea คือ เว็บไซต์ที่อยู่ในอันดับสูงๆ (ด้านบน) แสดงว่าเป็นคอนเทนต์ที่ดีมีคุณภาพ ควรเอามาเป็นไอเดียในการเขียนบทความ เพราะนอกจากนี้คุณยังวัดคุณภาพของเนื้อหาได้จาก
- จำนวนคนคลิกชมต่อเดือนบน Google (EST Visits)
- จำนวน Backlink
- ยอดแชร์บน Facebook
- ยอดแชร์บน Pinterest
- ยอดแชร์บน Reddit
เมื่อคุณต้องการเลือกเฉพาะหน้าลิงก์เว็บไซต์ที่น่าสนใจจริงๆ ให้คุณกดไปที่ปุ่ม Filter ที่มุมบนด้านขวามือ แล้วกดคัดกรองตาม Dimension หรือคำสำคัญที่คุณต้องการเลือกหรือเอาออกไป เสร็จแล้วให้กดปุ่ม Apply
วิธีทำ Site Audit
อัลกอริทึมของกูเกิ้ลเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและยังปรับใหม่ถึง 3,000 ครั้งต่อปีเลย จึงทำให้นัก SEO Specialist ต้องหมั่นตรวจเช็ค Site ของตัวเองอยู่เสมอเพื่อดูว่าจะต้องปรับปรุงและดำเนินการแก้ไขส่วนไหนเพิ่มเติมบ้าง วิธีนี้ช่วยให้คุณรักษาอันดับสูงๆ บน Google ได้ยาวนานขึ้น
Ubersuggest เข้าใจเรื่องนี้ดีเลยออกแบบฟีจเจอร์ SEO Site Audit ช่วยให้นักการตลาดทำงานง่ายและรวดเร็วมากขึ้น เพราะเครื่องมือนี้ช่วยวิเคราะห์เว็บไซต์ด้าน SEO อย่างละเอียด พร้อมให้คำแนะนำเรื่องปรับแต่งเว็บไซต์ได้ทันทีโดยที่คุณไม่ต้องทำการวิเคราะห์ผลด้วยตัวเอง
เริ่มต้นใช้งาน SEO Site Audit ง่ายๆเพียงนิดเดียว
- คลิกเข้าไปที่ปุ่ม Site Audit
- กดเลือกโปรเจคที่คุณสร้างที่แถบเมนูซ้ายมือ
- เครื่องมือจะทำการรันผลลัพธ์วิเคราะห์ Site ทันที
วิธีการอ่านผล Site Audit
เมื่อคุณทำการรัน Site Audit เรียบร้อยแล้ว จะแสดงผลรีพอร์ตที่วิเคราะห์เหมือนกับตัวอย่างภาพด้านล่าง
หน้าแรกของรีพอร์ตจะแสดงข้อมูลสุขภาพเว็บไซต์ ซึ่งประกอบด้วย
- จุดบกพร่องของเว็บไซต์ (Critical errors)
- คำเตือน (Warnings)
- คำแนะนำ (Recommendations)
เมื่อคุณกดปุ่ม ALL ISSUE จะปรากฎข้อมูลที่เกี่ยวกับหน้าเว็บไซต์ แสดงข้อสรุปการประเมินผลของเว็บไซต์ที่ตรวจสอบแล้วเจอ
จากภาพด้านบน ที่คอลัมน์ Difficulty จะบ่งบอกถึงความยาก-ง่ายในการแก้ไข Site ส่วนในช่อง SEO Impact จะบ่งบอกว่า หากลองแก้ไขเว็บไซต์ แล้วส่งผลต่อประสิทธิภาพ SEO มาก-น้อยอย่างไร หากคุณต้องการดึงผลและข้อมูลวิเคราะห์ Site Audit สามารถกดปุ่ม Export to CSV แล้วดาวน์โหลดออกมาเป็นไฟล์ดูข้างนอกได้
คำถามต่อมาคือ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าควรแก้ไข Site ตรงไหนบ้าง ให้คุณเลือกที่ข้อความ Learn More Hyperlink สีส้ม ซึ่งจะขึ้นคำอธิบายแบบขยายความและวิธีการแก้ไข
นอกจากนี้ ถ้าคุณต้องการเช็กสุขภาพของเว็บไซต์ส่วนอื่นๆ สามารถเข้ามาดูได้ที่แถบ Site Speed ที่จะแสดงข้อมูล Site Speed ของ Mobile และ Desktop
หากคุณต้องการดูผลลัพธ์แบบใดแบบหนึ่ง เช่น ดูเฉพาะผล Site Speed ของ Mobile ให้คุณเลือกแบบจากรูปคอมไปรูปมือถือ
เมื่อคุณทำการปรับปรุง Site ตามคำแนะนำจาก Ubersuggest เรียบร้อยแล้ว ให้กลับมาที่ Site Audit overview แล้วคลิกไปที่ปุ่ม Recrawl Website เพื่อทำการอัพเดตเว็บไซต์อีกครั้ง และถ้าเจอจุดบกพร่องอื่นๆที่ยังไม่ได้แก้ไขฟีจเจอร์ Site Audit จะแจ้งเตือนอีกรอบ
สรุปผลลัพธ์หลังจากที่ลองใช้งาน
ภาพรวมหลังจากที่ได้ลองเล่นเจ้าเครื่องมือตัวนี้ สำหรับทำบทความ SEO และตรวจเช็ก Site Audit บนเว็บไซต์ บอกเลยว่า ใช้งานค่อนข้างง่าย ทำให้นักการตลาดสามารถอ่านผลประสิทธิภาพเว็บไซต์ได้เลย (ถ้าเข้าใจค่า SEO Matrix อยู่แล้ว) นอกจากนี้ในทุกฟีจเจอร์ ยังมีคำแนะนำให้คุณสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ได้ทันที เครื่องมือนี้เหมาะสำหรับนักการตลาด นัก SEO Specialist และนักทำคอนเทนต์ ที่ควรมีเครื่องมือติดตัวไว้ตอนทำงานนะ เพราะเวิร์คมาก
